กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
IBM Global Business Service เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ ‘Healthcare 2015 ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง: ใบสั่งยาเพื่อสุขอนามัยแห่งศตวรรษที่ 21’ (Healthcare 2015 - Patient-Centric: The 21st Century Prescription For Healthcare) ที่บ่งชี้ว่า อุตสาหกรรมทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพ (Healthcare) จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เพื่อยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ของประชาชนควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการรักษาพยาบาล
ผลการศึกษาชิ้นนี้พบว่า ความแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตช่วยส่งเสริมอัตราการขยายตัวของ ‘อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ’ ที่สามารถค้นหาวิธีการบำบัดทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในทั่วทุกมุมโลกได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันการใช้อินเทอร์เน็ตทำให้ผู้ป่วยสามารถสืบค้นสถานรักษาพยาบาลระดับโลกในต่างประเทศ และเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผ่าตัดขั้นสูง ตลอดจนค่าธรรมเนียมการรักษาพยาบาลในราคาเพียงเศษเสี้ยวของค่ารักษาพยาบาลในประเทศ ดังนั้นสถานพยาบาลภายในประเทศจึงจำเป็นที่จะต้องทบทวนราคาใหม่ให้สมเหตุผล เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดลูกค้าภายในประเทศ
นายคริสโตเฟอร์ เยียว Asia Pacific and Great China Group, Healthcare & Life Sciences กล่าวว่า “การปรับเปลี่ยนจากระบบการบริการทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพในปัจจุบันไปสู่รูปแบบที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางนั้น จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโมเดลการดำเนินงานในระยะยาว (Long-term transformation in economic models) และพฤติกรรมของบุคคล ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการบริการดูแลรักษาสุขภาพต้องยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ป่วยเอง นายจ้าง ผู้ให้บริการทางการแพทย์ หรือแม้แต่บริษัทประกันภัย ตลอดจนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มาตรฐานความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการดำเนินการร่วมกัน”
รายงานดังกล่าวระบุว่า จำนวนประชากรสูงวัยและต้นทุนการรักษาพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดแรงกดดันด้านการเงินและแรงกดดันด้านโครงสร้างองค์กรอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อผู้ให้บริการรักษาพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนถึงประชาชน ผลที่ตามมาก็คือ คุณภาพในการรักษาพยาบาลเสื่อมถอยลง ผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของสถานการณ์ในระบบการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน อาทิ แต่ละปีมีประชาชน 250,000 คนในสหรัฐฯ เสียชีวิตจากความผิดพลาดในการผ่าตัด การวินิจฉัยโรคผิดพลาด การจ่ายยาผิด การติดเชื้อจากโรงพยาบาล และการดูแลอย่างไม่เหมาะสม ผู้ป่วยขั้นรุนแรงถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อส่งเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แทนที่จะส่งไปพบแพทย์ที่รักษาประจำ เนื่องจากโรงพยาบาลต้องการรายได้พิเศษที่จะได้รับจากบริษัทประกันภัยกรณีที่ผู้ป่วยถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน
รูปแบบที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางจะคำนึงถึงความต้องการของผู้ป่วยเป็นอันดับแรก และกำหนดให้มีความรับผิดชอบและความน่าเชื่อถือต่อผู้ป่วยมากขึ้น ภายใต้ระบบที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง บุคคลที่เข้ารับการบริการทางการแพทย์จะได้รับการบริการที่ดีขึ้น โดยขวนขวายหาความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพและวิธีการปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดี เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อจัดการเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองในลักษณะที่ดีขึ้น เข้าถึงประวัติและข้อมูลทางการแพทย์ และจ่ายสมทบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดในสัดส่วนที่เหมาะสม
ระบบการบริการทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพ ที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมีลักษณะดังต่อไปนี้:
ผู้ป่วยสามารถสืบค้นและเข้าถึงประวัติการรักษาของตน ข้อมูลสุขภาพ ต้นทุนการดำเนินการ และข้อมูลของแพทย์ผู้รักษาได้อย่างง่ายดายผ่านทางอินเทอร์เน็ต ระบบมาตรฐานเปิดทางด้านเทคนิคที่รองรับการใช้งานร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้อินเทอร์เน็ตในวงกว้างเพื่อการเข้าถึงข้อมูล แทนที่จะใช้ระบบปิด
ข้อมูลสามารถไหลเวียนระหว่างทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมอยู่ในระบบ ได้แก่ ผู้ให้บริการ แพทย์ คลินิก ห้องวิจัย และผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งระบบจะทำงานเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเก็บบันทึกข้อมูลผู้ป่วยในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยสูง และข้อมูลเหล่านั้นจะสามารถเข้าถึงได้โดยบุคคลภายในสถาบันและเขตพื้นที่ที่เหมาะสมเท่านั้น
ข้อมูลผู้ป่วยและข้อมูลทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องจะถูกรวบรวมไว้ในลำดับการปฏิบัติงานและตลอดในทุกกระบวนการรักษา ทำให้มีข้อมูลทางการแพทย์พร้อมใช้งาน ณ จุดที่ต้องทำการรักษา
แต่ละบุคคลมีความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมมากขึ้นในการจัดการกับสุขภาพและภาวะความเป็นอยู่ของตนเอง
ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาสรุปว่า แนวทางที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางนี้จะทำให้ทุกภาคส่วนในระบบสุขภาพได้รับประโยชน์โดยทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยกระดับสุขภาพของผู้ป่วย ผู้ใช้จ่ายค่ารักษาถูกลง ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น, ผู้ให้บริการปรับปรุงคุณภาพและความปลอดภัยในการรักษาพยาบาล และอุตสาหกรรมลดภาระทางการเงินในการจัดหาประกันสุขภาพให้แก่พนักงาน
เกี่ยวกับ IBM Institute for Business Value
IBM Institute for Business Value พัฒนาข้อมูลเชิงลึกโดยอ้างอิงข้อเท็จจริงสำหรับผู้บริการธุรกิจระดับอาวุโสเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ และประเด็นเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม งานวิจัยชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ IBM Global Business Services ในการนำเสนอบทวิเคราะห์และทัศนะที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ตระหนักถึงคุณประโยชน์ทางธุรกิจ รายงานพิเศษฉบับนี้อ้างอิงการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ผู้บริหารในแวดวงอุตสาหกรรม นักวิเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์
เผยแพร่ข้อมูลโดย บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
คุณอรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ โทร 02-273-4117 อีเมล์ onumav@th.ibm.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net