กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--สหมงคล ฟิล์ม
เรื่องย่อ "TURISTAS"
สถานที่บางแห่ง นักท่องเที่ยวไม่ควรย่างกรายเข้าไป
ประเภท ระทึกขวัญ
อำนวยการสร้าง สก๊อตต์ สไตน์ดอร์ฟ (The Human Stain)
โบ เซนก้า (Scary Movie)
มาร์ค บูทาน (Good Night and Good Luck)
กำกับการแสดง จอห์น สต๊อคเวลล์ (Into the Blue, Blue Crush)
นำแสดง จอร์จ ดูฮาเมล (Transformers)
เมลิสสา จอร์จ (Sugar & Spice, Mulholland Drive, Derailed)
โอลิเวีย ไวล์ด (Alpha Dog, The Girl Next Door)
เดสมอนด์ แอสคิว (The Hills Have Eyes)
โบ การ์เร็ตต์ (Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer)
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
กำหนดฉาย 28 มิถุนายน 2007
Official Site http://www.paradiselostmovie.co.uk/
เรื่องย่อ
Turistas คือภาพยนตร์ระทึกขวัญสั่นประสาทที่บอกเล่าชะตากรรมสยองของวัยรุ่นอเมริกันกลุ่มหนึ่งที่เดินทางแบ๊คแพ็คไปบราซิลโดยหวังจะสนุกให้สุดเหวี่ยง แต่แดนสวรรค์กลับกลายเป็นนรกบนดินเมื่อพวกเขาประสบอุบัติเหตุ และได้พบความลับสุดสะพรึงที่ซ่อนอยู่ในป่าลึก เบื้องหลังหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีคราม…
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร อเล็กซ์ (จอช ดูฮาเมล) กับน้องสาว บี (โอลิเวีย ไวลด์) และเพื่อนน้องสาว เอมี่ (โบ การ์เร็ตต์) คือวัยรุ่นอเมริกันที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก บนรถบัสเก่าโทรมที่วิ่งขึ้นเขาบนถนนขรุขระ พวกเขาได้พบกับ พรู (เมลิสสา จอร์จ) นักท่องเที่ยวสาวแสนสวยที่พูดภาษาโปรตุเกสซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่นั่นได้ พร้อมกับฟินน์และเลียม (เดสมอนด์ แอสคิว และ แม็กซ์ บราวน์) วัยรุ่นอังกฤษที่มาเที่ยวบราซิลเพราะกิตติศัพท์ความสวยของสาวที่นี่
หลังจากประสบอุบัติเหตุรถบัสชน ทั้งหมดก็ตกที่นั่งลำบากโดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อเล็กซ์, บี และเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆจึงหาทางแก้เซ็งด้วยการไปสนุกที่กระท่อมบาร์ริมหาดแทนที่จะนั่งคอยรถบัสคันต่อไปที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ การตัดสินใจครั้งนี้ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันจะเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาไปตลอดกาล
พวกเขาสนุกสุดเหวี่ยงกับการเล่นน้ำทะเลและนอนอาบแดด ตกบ่ายก็นั่งเล่นที่บาร์ พลบค่ำก็นั่งดื่มและเต้นรำกับชาวพื้นเมือง ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ในตอนเช้า พวกเขากลับตื่นขึ้นมาบนหาดทรายและพบว่าตัวเองถูกมอมยา ทรัพย์สินทุกอย่างถูกขโมยไป กลิ่นอันตรายลอยอบอวลอยู่ในอากาศ มีสถานที่หลายแห่งที่นักท่องเที่ยวอเมริกันสามารถเดินทางไปได้อย่างสบายใจไร้กังวล แต่ไม่ใช่ที่นี่
ยิ่งพวกเขาก้าวย่างไปในชุมชนบราซิลเลี่ยนไกลเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีทางหนีรอดน้อยเท่านั้น ลึกเข้าไปในป่าที่มีถ้ำใต้ดินซ่อนอยู่ พวกเขาได้ค้นพบความลับสุดสะพรึงเกี่ยวกับการค้าอวัยวะมนุษย์ และต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในกับดักกลางป่าบราซิลเลี่ยนแห่งนี้ก่อนที่จะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป
เกี่ยวกับงานสร้าง
Turistas เขย่าประสาทคนดูด้วยเรื่องราวความกลัวสุดขีดของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ความสนุกสนานและความมั่นใจในความปลอดภัยอันตรธานไปเมื่อพวกเขาเดินทางมาผจญภัยในบราซิล
ผู้กำกับ จอห์น สต๊อคเวลล์ มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับอันตรายในการเดินทางท่องเที่ยวหลังจากถ่ายหนังเรื่องที่แล้ว (Into the Blue) เสร็จ ตอนนั้นเขาไปเที่ยวเปรู “แรกๆก็ตื่นเต้นดีครับ แต่ผมเกือบตายตอนที่ถูกกลุ่มเด็กอายุประมาณ 13 ที่มีปืนปล้นและยิง” สต๊อคเวลล์เล่าประสบการณ์ช็อค เมื่อได้อ่านบทหนังเรื่อง Turistas เขาจึงสนใจกำกับมันทันที “ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนประสบการณ์ของผม และการเดินทางท่องเที่ยวในดินแดนที่ไม่ค้นเคย แล้วเจอเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้ มันเป็นเรื่องสากลที่ทุกคนเข้าถึงได้ การได้ไปเที่ยวในสถานที่ห่างไกลแบบนั้น อาจเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ในความเป็นจริง มันอาจไม่เหมือนอย่างที่คิดเลยก็ได้”
หนังเปิดฉากขึ้นบนรถบัสสภาพบุโรทั่งที่บรรทุกทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น ในกลุ่มนั้นมีคู่พี่น้องวัยรุ่นอเมริกันชื่ออเล็กซ์และบีรวมอยู่ด้วย ซึ่งตัวละครสองตัวนี้รับบทโดย จอช ดูฮาเมล และโอลิเวีย ไวลด์ ผู้กำกับสต๊อคเวลล์มองอเล็กซ์ว่า “เป็นคนที่อาจทะลึ่งไปสั่งโค้กกับแฮมเบอร์เกอร์ในร้านอาหารบราซิลก็ได้ เพราะเขาไม่เคยออกจากอเมริกาเลย เขาเป็นผู้ชายที่ฉลาดและแข็งแรง แต่ขี้ระแวงมากและเชื่อเรื่องอันตรายทุกอย่างที่เคยได้ยินมา”
ดูฮาเมลพูดถึงตัวละครของเขาว่า “อเล็กซ์เป็นอเมริกันขี้ระแวงที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ความกลัวของเขากลายเป็นเรื่องจริง” เช่นเดียวกับผู้กำกับ ดูฮาเมลชอบเรื่องราวที่พลิกผันน่าติดตาม และแก่นเรื่องชวนขนลุกของหนัง “ผมรู้สึกว่าเรื่องมันน่าติดตามและน่ากลัว ผมชอบ ผมอยากเล่นหนังเกี่ยวกับการเอาดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสภาวะแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้มานานแล้ว หนังประเภทที่ตัวละครไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินต่อไป แม้ว่าจะเจ็บปวดหรือสถานการณ์จะน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม”
ผู้กำกับสต๊อคเวลล์บอกว่าดูฮาเมลเข้าถึงบทไม่ยากนัก เพราะตัวเขามีส่วนคล้ายกับตัวละครอยู่แล้ว “จอชโตในนอร์ธดาโกต้าและไม่ค่อยได้ออกจากอเมริกาเท่าไหร่ แถมยังเป็นคนระมัดระวังและคิดมากด้วย แต่เข้าก็เป็นผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรง พูดง่ายๆคือเป็นคนที่คุณอยากมีไว้พึ่งเวลาเจออันตรายในป่ากลางบราซิ ล” ส่วนนักแสดงร่วมอย่างโอลิเวีย ไวลด์ เสริมว่า “อารมณ์ขันร้ายๆและความทุ่มเททางร่างกายของจอชทำให้ฉากที่เขาแสดงสมจริงและน่าตื่นเต้น”
ส่วนตัวละครที่เด็กกว่าและอิสระกว่าอย่างบีและเอมี่นั้นสนุกกับวันหยุดที่ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตนี้มาก “บีและเอมี่ตื่นเต้นกับการผจญภัยและอยากสำรวจทุกซอกทุกมุมของที่นี่” สต๊อคเวลล์อธิบาย “พวกเธอฝันอยากเที่ยวบราซิลมาตลอด อยากสัมผัสหาดทราย, ผู้คน, ดนตรี และอาหารของที่นั่น พวกเธอพร้อมจะผจญภัยทุกอย่าง”
โอลิเวีย ไวลด์ คือนักแสดงสาวที่ดังเป็นพลุแตกจากบทแฟนของมิชช่า บาร์ตัน ในซีรี่ย์เรื่อง The O.C. ซึ่งคราวนี้เธอรับบทเป็นน้องสาวผู้สดใสไร้เดียงสาของอเล็กซ์ “บีคือเด็กสาวอายุ 17 จากเมืองเล็กๆที่ฝันอยากไปเที่ยวเพื่อถ่ายรูปวัฒนธรรมที่แตกต่าง เธออยากนั่งรถบัส อยากพักในโรงแรม อยากดื่มน้ำ อยากเต้นกับชาวพื้นเมือง เธอไม่เคยเสี่ยงอะไรเลยในชีวิต และนี่คือครั้งแรกที่เธอได้เป็นอิสระ เธอรักเอมี่มาก ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เหมือนพี่น้อง ทำอะไรด้วยกันตลอด ฉันชอบความเป็นครอบครัวระหว่าง อเล็กซ์, บี และเอมี่ พวกเขามาจากเมืองเล็กๆที่สงบสุข และทำทุกอย่างเพื่อกันและกัน”
“โอลิเวีย ไวลด์คือเซอร์ไพรซ์ของหนัง” ผู้กำกับสต๊อคเวลล์กล่าว “เหมือนตัวละครของเธอที่เริ่มแรกดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ความจริงเป็นคนบ้าบิ่นและสุดเหวี่ยงกับชีวิต” ไวลด์เองที่ตกลงแสดงเรื่องนี้ก็เพราะสนใจเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบทหนัง “ฉันไม่เคยอ่านเรื่องไหนที่น่ากลัวและมีสีสันเซ็กซี่ขนาดนี้มาก่อน มันน่าตื่นเต้น ตึงเครียด และสนุก ฉันนั่งขดตัวบนโซฟา กัดเล็บ พลิกอ่านเหมือนคนบ้า ส่วนใหญ่เราก็เคยเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้รู้สึกตื่นตากับความแตกต่างทางวัฒนธรรมจริงๆ ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จักมันมีอยู่ตลอดแหละ”
เมื่อการเดินทางเริ่มต้นขึ้น บีและเอมี่พยายามโน้มน้าวให้อเล็กซ์รู้สึกว่าที่นี่คือสวรรค์ ก็อะไรแย่ๆมันจะเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ “บีมักจะคิดะไรไม่เหมือนคนอื่นในครอบครัว” ไวลด์อธิบาย “อเล็กซ์ไม่ชอบวิธีขับรถของคนขับรถบัสขณะที่บีไว้ใจเขา และผ่อนคลาย สนุกกับการผจญภัยต่อไป ดูเหมือนเธอจะคิดเสมอว่าทุกอย่างต้องราบรื่น กระทั่งเหตุการณ์มันพลิกผันสู่ความสยองนั่นแหละ”
สิ่งที่อเล็กซ์กลัวกลายเป็นจริงเมื่อคนขับรถบังคับรถไม่ได้ ผู้โดยสารเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนที่รถก็ไหลตกหน้าผาลงไป จากนั้นบีก็ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ นั่นก็คือถ่ายรูปเด็กท้องถิ่นที่นั่น ทำให้ชาวบ้านในรถโกรธมาก แต่นักท่องเที่ยวอีกคนหนึ่งในรถเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยให้ เธอคนนั้นก็คือ พรู ซึ่งรับบทโดย เมลิสสา จอร์จ “ฉันแสดงเป็นวัยรุ่นออสเตรเลียผิวแทนที่พูดภาษาท้องถิ่นได้ ก็เลยอธิบายให้นักท่องเที่ยวคนอื่นฟังได้ว่าเด็กที่นี่ถูกคนอเมริกันลักพาตัวไปและไม่รู้ชะตากรรมว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นการถ่ายรูปเด็กๆจึงไม่ใช่ความคิดที่ดี แน่นอนว่าคนอื่นไม่รู้เรื่องนี้ ก็จะรู้ไปทำไม่ล่ะ”
จอร์จต้องไปเรียนภาษาโปรตุเกสหลักสูตรเร่งรัดเพื่อจะได้สวมบทนักท่องเที่ยวเจนเส้นทางได้อย่างสมจริง และเธอสามารถพูดได้หลังจากเรียนไปเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น “เมลิสสาเป็นนักแสดงที่เดินทางเก่งที่สุดในกลุ่ม” ผู้กำกับสต๊อคเวลล์กล่าว “เธอไม่ได้เป็นแค่นักแสดง แต่ยังเป็นล่ามให้ผมด้วย”
ต่อมาตัวละครกลุ่มหลักได้รวมตัวกับวัยรุ่นอังกฤษอีก 2 คน นั่นก็คือฟินน์และเลียม (เดสมอนด์ แอสคิว และแม็กซ์ บราวน์) ที่มาเที่ยวบราซิลเพราะอยากเจอสาวสวยให้ได้มากที่สุด ความฝันของทั่งคู่เป็นจริงเมื่อทุกคนในกลุ่มตัดสนิใจเดินไปกระท่อมบาร์ริมหาดที่เคยได้ยินมาแทนที่จะอยู่รอรถบัสคันต่อไปกับชาวท้องถิ่นที่ไม่เป็นมิตร “พวกเขาคิดว่าจะปีนเขากลับขึ้นมาทันรถบัสคันต่อไป” จอร์จเล่า “จากนั้นพวกเขาก็พบว่าบาร์ริมหาดคือสวรรค์บนดิน นี่แหละการผจญภัยที่พวกเขาต้องการ ไม่เคยมีความคิดแว่บเข้ามาในสมองพวกเขาเลยว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในตอนท้าย”
บาร์ริมหาดมีทุกอย่างที่พวกเขาฝันถึง ทั้งเครื่องดื่มน่าลิ้มลอง, ชาวพื้นเมืองที่เต้นกันอย่างสนุกสนาน และปาร์ตี้ยาวนานถึงกลางดึก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อเล็กซ์กับบีเถียงกันเรื่องน้ำแข็งว่ากินเข้าไปแล้วจะท้องร่วงหรือเปล่า ราวกับว่านั่นคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ “มันเป็นช่วงเวลาของพี่น้องมากๆ” ไวลด์กล่าว “พวกเขาเป็นนักท่องเที่ยวอเมริกันขนานแท้ ฉันดูฉากนี้ทีไรก็ขำทุกครั้ง ในชีวิตจริง ฉันเดินทางบ่อยมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อเป็นคนยุโรป การได้แสดงเป็นผู้หญิงใสซื่อและเก็บตัวก็เลยสนุก เพราะมันต่างกับตัวฉันดี”
หลังจากสนุกได้สักพัก พวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าแข้งขาเริ่มหนัก ยืนไม่อยู่ แล้วก็สลบไป พอตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าคนก็ไม่เห็นใครสักคนที่อยู่ที่บาร์ด้วยกันเมื่อคืน ข้าวของมีค่าทุกอย่าง ทั้งเงินและพาสปอร์ตก็หายไปหมด ทั้งยังไม่มีวี่แววของหนุ่มอังกฤษสองคนที่เจอเมื่อวาน
“ผมอยากสำรวจโลกที่พลิกผันจากดีเป็นร้ายในชั่วพริบตา” ผู้กำกับสต๊อคเวลล์เผย “โลกที่ตำรวจและสถานทูตไม่ใช่ทางเลือก ผมสนใจสำรวจความกลัวของคนอเมริกันเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ และอยากรู้ว่าความบ้าบิ่นไม่กลัวอะไรของวัยรุ่นที่เลือกทางผิดครั้งดียวจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้แค่ไหน โดยที่ไม่สามารถโทรกลับบ้านให้พ่อแม่มาช่วยได้”
พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนเจอเมือง และทุกอย่างก็เลวร้ายลงเมื่ออเล็กซ์สังเกตว่าเด็กคนหนึ่งสวมหมวกของเขาอยู่ เกิดความวุ่นวายขึ้น แล้วกิโก (อักเลส สไตบ์) วัยรุ่นบราซิลเลี่ยนที่พวกเขาเจอที่ปาร์ตี้เมื่อคืนก็ปรากฎตัวขึ้นและเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยให้หนีออกมาได้ “พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านมองเขาเหมือนเป็นศัตรู เพราะฉะนั้นทุกคนจึงโล่งใจเมื่อเจอกิโก” โบ การเร็ตต์ ผู้รับบทเป็น เอมี่ อธิบาย “พวกเขาไว้ใจกิโกมากและเชื่อเขาทันทีที่บอกว่ามีบ้านที่ปลอดภัยในป่าไว้ให้ซ่อนตัว พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังตกที่นั่งลำบาก และนึกไม่ถึงว่าทุกอย่างจะเลวร้ายในตอนท้าย”
มีกองกำลังหลายกลุ่มทำงานอยู่ในหมู่บ้าน กลุ่มคนร้ายเหล่านี้ทำธุรกิจอะไรไม่มีใครรู้ แต่เป้าหมายของพวกเขาคงไม่ไกลจากที่นักท่องเที่ยวเดามากนัก และวิธีการนี่สิที่โหด พวกเขาไม่ชอบนักท่องเที่ยวเลย “ชาวบ้านเหล่านี้ถูกกระตุ้นให้คลั่งจากการที่เด็กของพวกเขาถูกลักพาตัวไป” จอร์จกล่าว “สำหรับพวกเขา คนอเมริกันและนักท่องเที่ยวทุกคนต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนรู้อิโหน่อิเหน่มาก่อน และรู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรม กลุ่มของเราก็ไม่รู้เลยว่ากำลังเดินเข้าไปเผชิญกับอะไร”
“ชาวบ้านเหล่านี้มีทรรศนะที่แตกต่างโดยเชื่อว่าคนอเมริกันสมควรได้รับการลงโทษ” ดูฮาเมลกล่าว “แก่นเรื่องแฝงเกี่ยวกับสังคมและการเมืองในเรื่องนี้ทันกระแสปัจจุบันมาก และนี่คือหนังฮาร์ดคอร์ที่เล่าถึงสิ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องเผชิญสำหรับความไม่รู้ และไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา”
เพื่อนใหม่พาพวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าครึ้ม ทำให้ได้เห็นทิวทัศน์น่าตื่นตา ทั้งถ้ำใต้ดินที่ธรรมชาติสร้าง และป่าไม้สูงลิบที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าแปลกๆ แต่ยิ่งหนีเมืองอันตรายมาไกลเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะมีทางหนีรอดน้อยเท่านั้น “ใจจริงอเล็กซ์ไม่ไว้ใจกิโกและไม่อยากตามเขาไป แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีสถานทูต ไม่มีหนังสือเดินทาง ไม่มีโทรศัพท์ ทำให้ไม่มีทางเลือก” ดูฮาเมลอธิบาย
“หนังอธิบายความรู้สึกของการเป็นคนนอก และการไว้ใจคนแปลกหน้า หนังจะทำให้เราได้คิดถึงผลลัพธ์ของการกระทำขณะเดินทางท่องเที่ยว และการกระทำของคนต่างถิ่นที่เราไม่รู้จัก นอกจากนี้หนังยังพูดถึงการเอาตัวรอดจากอุปสรรคที่เป็นไปไม่ได้ และตั้งคำถามด้วยว่าเราจะยอมทำอะไรบ้างเพื่อปกป้องคนที่เรารัก” ไวลด์กล่าว
เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ที่กิโกเรียกว่าบ้านพัก สัญชาติญาณของทุกคนก็บอกว่าอันตรายกำลังจะมาถึงตัว พวกเขาคงไม่มีใครหนีเอาชีวิตรอดออกไปจากป่านี้ได้ “บีมีอเล็กซ์คอยช่วยเหลือมาตลอด แต่ในตอนท้ายสถานการณ์บังคับให้เธอต้องพึ่งตัวเอง” ไวลด์เล่า “เธอกลายเป็นคนที่เยือกเย็นขึ้น และได้สัมผัสชีวิตอย่างที่คนวัยเท่าเธอไม่เคยได้สัมผัสบีเป็นผู้หญิงที่เปราะบาง แต่ขณะเดียวกันเธอจะกัดฟันสู้เอาชีวิตรอดแบบที่คุณนึกไม่ถึง”
สต๊อคเวลล์เคยเป็นนักแสดงมาก่อน ในบรรดาผลงานภาพยนตร์ที่เขาแสดงมี Christine ของจอห์น คาร์เพนเตอร์และ Top Gun รวมอยู่ด้วย ก่อนจะขึ้นแท่นผู้กำกับในภาพยนตร์เรื่อง Blue Crush และ Into the Blue สำหรับผลงานล่าสุดอย่าง Turistas จะเป็นความบันเทิงที่มีแก่นเรื่องโตขึ้น “ผมชอบทำหนังเกี่ยวกับทริปแสนสุขที่ลงเอยด้วยเรื่องเลวร้าย และความน่ากลัวเมื่อคุณเดินออกจากอ้อมอกอันปลอดภัยของอเมริกา ผมอยากทำหนังระทึกขวัญอารมณ์หวาดระแวงที่ความกลัววนเวียนอยู่กับคุณ สิ่งที่กลัวอาจเป็นเรื่องจริงหรือคิดไปเอง นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่จริงที่สุดคืออารมณ์กลัว และ Turisras จะกระชากอารมณ์กลัวของคุณแบบถึงใจ”
“นี่ไม่ใช่หนังสำหรับคนขวัญอ่อนแน่นอน” ดูฮาเมลเสริม “มันสวยงาม เซ็กซี่ และตลกก็จริง แต่มันก็ทำร้ายจิตใจ น่ากลัว และทนดูไม่ได้ในบางครั้ง มันจะทำให้คุณผวาเลยล่ะ”
มุ่งหน้าสู่บราซิล
Turistas คือภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแรกที่ถ่ายทำในบราซิลทั้งหมด กองถ่ายกินอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 เดือน (รวมช่วงก่อนถ่ายทำด้วย) สถานที่ถ่ายทำได้แก่ ป่าเขียวครึ้ม หาดทรายขาวของเมืองอูบาทูบา และถ้ำใต้ดินใกล้เลนคอยส์ที่มีน้ำไหลผ่านดูน่าตื่นตาและยังไม่เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายหนังเรื่องไหนมาก่อน
“เราถ่ายทำกันที่เมืองริมทะเลเล็กๆแห่งหนึ่งในบราซิล ชื่อเมืองอูบาทูบาและอิตามัมบูกา อยู่ระหว่างริโอเดอจาเนโรและซันเปาโล” ผู้กำกับสต๊อคเวลล์กล่าว “เราจ้างชาวบ้านที่นั่นมาร่วมแสดง ก็เลยมีปัญหาเรื่องภาษาอยู่บ้าง เพราะนักแสดงท้องถิ่นและทีมงานส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ แถมาษาโปรตุเกสของผมก็แย่มาก”
อย่างไรก็ตาม สต๊อคเวลล์คิดว่าการถ่ายทำหนังทั้งเรื่องในบราซิลโดยมีทีมงานเกือบทั้งหมดเป็นชาวบราซิลถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่มีค่า “พวกเขาทำงานหนักด้วยใจและมีความยืดหยุ่นโดยไม่คิดค่าล่วงเวลา” สต๊อคเวลล์เล่า “ถ้าพวกเขาชอบคุณ เขาจะทำงานหลายชั่วโมงโดยไม่พูดถึงค่าล่วงเวลา (ซึ่งความจริงไม่มีในบราซิล) แต่ถ้าไม่พอใจ พวกเขาจะเลิกทำงานวันนั้นเลยทันที”
ไม่นานหลังจากย่ำเท้าเหยียบอเมริกาใต้ ทีมงานก็เจอเรื่องอกสั่นขวัญแขวนคล้ายๆตัวละคร “พอออกจากสนามบินริโอไปได้ 5 นาที เรามองไปมองมาก็เห็นเด็กผู้ชายถือปืน 9 มม.นั่งอยู่ในรถคันข้างๆ” สต๊อคเวลล์เล่า นักแสดงบราซิลเลี่ยนหญิงคนหนึ่งที่คัดมาก็เพิ่งถูกลักพาตัวและโดนปืนจ่อเมื่อไม่นาน “ริโอเป็นเมืองที่ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณจะรู้สึกได้ ผมเองรักเมืองนี้และอยากกลับมาทำงานอีกถ้ามีโอกาส”
ทั้งนักแสดงและทีมงานต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ “นี่ไม่เหมือนกองถ่ายฮอลลีวู้ดทั่วไปที่มีรถอาร์วีหรือเทรลเลอร์ส่วนตัวให้นักแสดง เรามีแค่เสื่อกับเต้นท์ การถ่ายทำก็อิสระ ไม่มีรูปแบบตายตัว เรายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ช็อตอย่างที่ต้องการ เราปรับตัวให้เข้ากับการทำงานแบบบราซิลเลี่ยน นักแสดงต้องพักในโรงแรมสมถะแบบธรรมชาติกลางป่ากลางเขาโดยมีรอยยุงกัดเป็นหลักฐาน”
ไวลด์พูดถึงการทำงานกับสต๊อคเวลล์ว่า “นิสัยชอบเตรียมพร้อม ชอบผจญภัย และความคิดสร้างสรรค์บรรเจิดของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมงานคนอื่นทำตาม เราเข้าฉากทุกวันโดยไม่แต่งหน้าหรือทำผม ตามตัวมีรอยยุงกัด และพร้อมแสดงอย่างเต็มที่” เธอเล่าย้อนให้ฟัง “เขาชอบทำให้สถานการณ์ดูสมจริง และฉากน่ากลัวบางฉากก็น่ากลัวจริงๆ” ดูฮาเมลก็เห็นด้วยกับน้องสาวในจอ “ดีที่ผู้กำกับของเรารู้ทิศทางการทำงานว่าควรทำอะไรต่อไป เขาเป็นคนเปิดกว้างแต่ก็มีไอเดียชัดเจนที่ทำให้นักแสดงสบายใจ หนังเรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องไหนที่เขาเคยทำมาก่อน เพราะฉะนั้นผมรู้ว่าเขามีแรงบันดาลที่สร้างสรรค์สุดๆ”
ผู้กำกับสต๊อคเวลล์ทำงานร่วมกับผู้กำกับภาพ เอ็นริค เชเดียค อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างบรรยากาศโดดเด่นที่จะเปลี่ยนไปเมื่อสถานการณ์ที่ตัวละครพบเจอเลวร้ายลง “เราต้องการให้ช่วงแรกของหนังเป็นโทนสีสดใส สีของต้นไม้เขียวจัด สีท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้าจัด เราอยากให้บราซิลดูล่อตาล่อใจนักท่องเที่ยวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้รู้ว่าเสน่ห์ของมันเกินต้านทาน แต่พอสถานการณ์ในหนังเริ่มเลวร้ายลง สีของภาพก็เริ่มจาง จนซีดน่ากลัว”
ฉากหนึ่งที่สำคัญของหนังคือบ้านหลบภัยกลางป่าลึกที่กิโกพานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไปพัก “สถานที่ถ่ายทำเกือบทุกแห่งเป็นของจิงที่เราเดินหาแล้วเจอ” ผู้กำกับสต๊อคเวลล์กล่าว “บ้านหลังนั้น เราพบโดยบังเอิญตอนเขาไปสำรวจน้ำตกในป่า มันเป็นบ้านที่ดูลึกลับ กลมกลืนกับธรรมชาติ เก่าทรุดโทรม และตั้งอยู่กลางป่าที่รกครึ้ม”
ทีมงานและนักแสดงต่างประทับใจถ้ำใต้ดินที่ใช้ถ่ายทำฉากหลายฉาก ซึ่งถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติชาปาดา ไดอามานทีน่า ในเมืองบาเฮียซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศ “นั่นเป็นสถานที่ถ่ายทำที่สะดุดตาที่สุด” ไวลด์ กล่าว “สถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมทำให้ย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์ช่วงที่ดินแดนแห่งนี้ถูกโปรตุเกสยึดครองในยุคล่าอาณานิคม เพราะฉะนั้นเราก็เลยใช้เวลาหลายชั่วโมงเดินบนถนนลูกรัง และกินอาหารในร้านเล็กๆสีสดใสที่เขียนว่า slow food บนประตู และใช้เวลาหลายวันเล่นน้ำตกและเต้นรำบนถนน ฉันคิดถึงเมืองนั้น คิดถึงถ้ำใต้น้ำที่เปล่งประกายสีฟ้าเวลาแสงแดดยามบ่ายส่องกระทบ”
ฉากทรหดที่ต้องอาศัยความพร้อมของร่างกายคือฉากที่ตัวละครต้องหนีเข้าไปในถ้ำใต้น้ำ ฉากนี้ต้องอาศัยความพร้อมด้านความปลอดภัยมากที่สุด “ผมต้องฝึกเคลื่อนไหวใต้น้ำก่อนถ่ายทำ” ดูฮาเมลเล่า “บทนี้ต้องอาศัยความพร้อมทางร่างกาย ผมก็เลยใช้เวลาเตรียมตัวอย่างเต็มที่”
สำหรับฉากถ้ำที่บาเฮีย ไวลด์ต้องการแสดงฉากว่ายน้ำด้วยตัวเองโดยไม่ใช้นักแสดงแทน แต่พอลงไปในน้ำ เธอก็พบว่าตัวเองกลัวจับใจตอนที่ว่ายน้ำลงไปใต้ผนังถ้ำและพยายามหาอากาศหายใจโดยที่ไม่มีแว่นตาว่ายน้ำ ไม่มีอากาศ และไม่มีแสงสว่าง “ขอบอกก่อนว่านักแสดงแทนของฉันชื่อ เมห์แกน เฮนนี่ย์ กรีเอร์ เป็นแชมป์ดำน้ำอิสระที่ทำสถิติดำลึก 165 ฟุตด้วยการหายใจครั้งเดียว!” ไวลด์อวด “ไม่ต้องบอกว่าเธอเจ๋งแค่ไหน แต่ฉันอยากมีโอกาสแสดงฉากนี้เอง ทีนี่พอฉันว่ายผ่านหินพวกนั้นมาได้ ทุกคนก็ปรบมือกันใหญ่ ฉันไม่ได้บอกใครหรอกนะว่าตอนนั้นฉันกลัวมาก มาบอกอีกทีตอนกินข้าวเย็นแบบครอบครัวด้วยกันในคืนหนึ่ง ทุกคนขำกลิ้งเลยล่ะ นี่แหละที่ฉันชอบการทำงานรั้งนี้ ทุกคนจะคอยช่วยเหลือกัน สอนกัน และท้าทายกันตลอด”
ประสบการณ์ของตัวละครในหนังกับนักแสดงและนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวบราซิลนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “ถึงเราจะกลับมาพร้อมกระเป๋าสตางค์และอวัยวะครบ 32 แต่พวกเราก็รู้ว่าแค่เลือกทางผิดครั้งเดียว ความเข้าใจผิดครั้งเดียว อุบัติเหตุครั้งเดียว ก็ทำให้สวรรค์ของการเดินทางล่มได้” ดูฮาเมลกล่าว
“เราเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่โชคดีได้ทำสิ่งที่ชอบในดินแดนที่สวยที่สุดในโลก” ไวลด์ทิ้งท้าย
จอห์น สต๊อคเวลล์ — กำกับ / อำนวยการสร้าง
สต๊อคเวลล์คือผู้กำกับและมือเขียนบทที่หลงใหลความซับซ้อนของจิตใจคน เห็นได้จากผลงานซีรี่ย์ดราม่าเกี่ยวกับกลุ่มผู้คิดค้นซิลิโคนเสริมหน้าอก, ครูที่สอนให้นักเรียนโกหกคดโกง และเด็กมีปัญหาที่ชีวิตถูกเติมเต็มด้วยความรัก เขาไม่ลังเลที่จะสร้างผลงานที่ท้าทายและตัวละครที่แตกต่างสู่จอภาพยนตร์ จะว่าไปเขาก็เป็นนักทำหนังที่งานชุกที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด มีงานอีกหลายโปรเจ็คต์รอเขาอยู่ ล่าสุดสต๊อคเวลล์กำกับ Turistas ให้ท้อดด์ แวกเนอร์ และมาร์ค คูแบน แห่งบริษัท 2929 Productions ส่วนโปรเจ็คต์ต่อไปของเขาคือ Kidd Cannabis ที่สร้างจากชีวิตจริงของกลุ่มวัยรุ่นไอดาโฮที่หาเงินได้จำนวนมหาศาลจากการค้ากัญชา
ผลงานที่ผ่านมาของสต๊อคเวลล์ได้แก่ Into the Blue ของบริษัท MGM ที่เรื่องราวเกี่ยวกับนักดำน้ำ หนังออกฉายในอเมริกาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2005 นำแสดงโดย เจสสิก้า อัลบา, พอล วอล์คเกอร์ และสก๊อตต์ แต่ก่อนหน้านั้นเขาได้กำกับ Blue Crush หนังรักบรรยากาศโต้คลื่นสุดฮิตบนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศของบริษัท Universal ที่นำแสดงโดย เคท บอสเวิร์ธ กับบทที่ดันให้เธอโด่งดังจนกลายเป็นไอดอลคนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อป
นอกจากนี้สต๊อคเวลล์ยังกำกับหนังดราม่าเซ็กซี่ดิบๆเรื่อง Crazy / Beautiful ให้บริษัท Touchstone ด้วย ซึ่งถือเป็นหนังวัยรุ่นแนวแปลกที่นำแสดงโดย คริสเต็น ดันส์ กับบทเด็กมีปัญหาที่ค้นพบความหวังและความสุขในชีวิตเมื่อได้พบรักกับหนุ่มละตินที่รับบทโดยเจย์ เฮอร์นาเดซ หนังถ่ายทำในลอสแองเจลลิสทั้งหมด โดยสต๊อคเวลล์สามารถถ่ายทอดความเซ็กซี่ออกมาได้สมจริง และนำเสนอภาพสังคมที่แตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน รวมทั้งใช้สีฟ้าจัดเพื่อสะท้อนภาวะสับสนในใจของตัวละคร
ถัดจากกำกับหนังปัญหาวัยรุ่น สต๊อคเวลล์ก็เปลี่ยนแนวมาเขียนบทหนังเกี่ยวกับชีวิตศิลปินร็อคเรื่อง Rock Star ของบริษัท Warner Bros. ที่กำกับโดย สตีเว่น เฮเร็ก (Mr.Holland’s Opus) และออกฉายในอเมริกาเมื่อเดือนกันยายนปี 2001 งานนี้สต๊อคเวลล์ลบงทุนทิ้งครอบครัวและทิ้งเพื่อนไปศึกษาวัฒนธรรมเฮฟวี่เมทัลเป็นเดือนๆ เพื่อจะได้เขียนบทหนังออกมาได้ดิบและสมจริงที่สุด
ผลงานแจ้งเกิดในวงการของสต๊อคเวลล์คือ งานเขียนบทภาพยนตร์โทรทัศน์กึ่งสารคดีทางช่อง HBO เรื่อง Breast Men ที่นำแสดงโดย เดวิด ชวิมเมอร์, คริส คูเปอร์, เอมิลี่ พร็อคเตอร์ และหลุยส์ เฟล็ทเชอร์ กับเรื่องราวชีวิตหมอเท็กซัส 2 คนที่คิดค้นซิลิโคนเสริมหน้าอก โดยผลงานเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมว่าถ่ายทอดประเด็นอื้อฉาวออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาและเป็นกลาง
หลังจาก Breast Men สต๊อคเวลล์ก็เดินหน้าต่อไปด้วยการเขียนบทและกำกับซีรี่ย์คุณภาพอีกเรื่องหนึ่งของ HBO นั่นก็คือ Cheaters ที่ถ่ายทอดด้านมืดและความบิดเบี้ยวทางศีลธรรมของสังคมผ่านเรื่องราวของครูโรงเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งในชิคาโก้ที่สอนให้นักเรียนโกงข้อสอบ Cheaters นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพมากมาย ได้แก่ เจฟฟ์ แดเนียล, พอล วอร์วีโน่ และจีน่า มาโลน จนทำให้สต๊อคเวลล์ประสบความสำเร็จในการสร้างผลงานกระทบอารมณ์ที่ทำให้ผู้ชมหันมาไตร่ตรองนิยามของความผิดถูกอีกครั้ง โดยเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy จากผลงานเรื่องนี้ด้วย
สไตล์การกำกับที่มาจากสัญชาติญาณและความราบรื่นในการทำงานกับทั้งดาราใหม่และดาราดังเป็นผลมาจากการที่เขาเคยเป็นนักแสดงมาก่อน หลังจากเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สต๊อคเวลล์ก็ไปเรียนวิชาภาพยนตร์ต่อที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก แต่ก็ลาออกในเวลาต่อมาเพราะชอบศึกษาด้วยตัวเองมากกว่า จากการได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์และซีรี่ย์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Losin’ It, Christine, Top Gun, North and South, Billionaire Boys Club สต๊อคเวลล์ก็เรียนรู้วิธีการสร้างหนังด้วยการสังเกต แอบฟัง ถามนู่นถามนี่ จดบันทึก และคอยตามติดช่วยงานทีมงานเพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างหนัง
ปัจจุบันสต๊อคเวลล์อาศัยอยู่ในลอสแองเจลลิส
นักแสดง
จอช ดูฮาเมล (Transformer, Win a Date with Tad Hamilton) รับบท อเล็กซ์ ทรูบิทอน
เมลิสสา จอร์ช (Derailed, The Amityville Horror, Down with Love) รับบท พรู สแต็กเลอร์
โอลิเวีย ไวลด์ (Alpha Dog, The Girl Next Door, ทีวีซีรี่ย์ The O.C.) รับบท บี ทรูบิทอน
โบ การ์เร็ตต์ (Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer, ทีวีซีรี่ย์ Entourage) รับบท เอมี่ แฮริงตัน
เดสมอนด์ แอสคิว (The Hills Have Eyes) รับบท ฟิน เดวี่ส์
แม็กซ์ บราวน์ (True True Lies, Fallen Angels) รับบท เลียม คัลเลอร์
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net