SCIB จัดมาตรการช่วยลูกค้าสินเชื่อบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 28, 2010 10:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารนครหลวงไทยเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง มั่นใจบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี สามารถติดต่อรับคำปรึกษาเพื่อรับความช่วยเหลือผ่านสาขาของธนาคารทุกแห่งทั้ง 422 สาขาทั่วประเทศ ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เตรียมมาตรการความช่วยเหลือลูกค้าที่ใช้บริการ “สินเชื่อบ้านธนาคารนครหลวงไทย” (SCIB Home Loan) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นโดยการลดค่างวดผ่อนชำระลงเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตามรายได้ที่ลดลงของผู้กู้ รวมถึงความช่วยเหลือเพิ่มสภาพคล่องผ่านบริการ “สินเชื่อเคหะทวีสุข” (SCIB Home Cash) ซึ่งเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์แก่ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีประวัติการผ่อนชำระดีต่อเนื่องมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และไม่เคยมีประวัติการค้างชำระกับธนาคารมาก่อน วงเงินกู้ไม่เกินร้อยละ 80 ของเงินต้นที่ลดลง คิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลบ 0.50% ต่อปี ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี โดยลูกค้าสินเชื่อบ้านสามารถติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาผ่านสาขาของธนาคารทุกแห่งทั้ง 422 สาขาทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2553 “ในเบื้องต้นธนาคารยังไม่ได้ประเมินสถานการณ์ว่าจะมีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบมากเพียงใด แต่ก็ได้ให้สาขาเข้าไปดูแลลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจและกลุ่มที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างอย่างใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้นจากเดิมแล้ว และเชื่อมั่นว่ามาตรการความช่วยเหลือของธนาคารที่กำหนดขึ้นทั้งหมดจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีส่วนสนับสนุนมาตรการความช่วยเหลือเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบของทางการแก่กลุ่มผู้ประกอบการและกลุ่มลูกจ้างอีกทางหนึ่งด้วย” นายชัยวัฒน์ กล่าว อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ธนาคารเชื่อว่าจะยังสามารถปล่อยสินเชื่อบ้านใหม่ตามเป้าหมายประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อบ้านไปแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท และคาดว่ายอดอนุมัติสินเชื่อบ้านน่าจะเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่จะถึงนี้ เนื่องจากจะเป็นช่วงที่สิ้นสุดการขยายมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งยังไม่มีสัญญาณเชิงลบที่ทำให้สินเชื่อที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้กลายเป็นหนี้ที่มีปัญหาแต่อย่างใด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ