กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย การเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศจีน ตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาล ตลอดจนการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาล นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลและปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มน้ำตาลมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนต่อไป โดยที่สถานะอันแข็งแกร่งในธุรกิจน้ำตาลและกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากธุรกิจพลังงานจะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นภาวะผันผวนของราคาน้ำตาลในตลาดโลกไปได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทน้ำตาลมิตรผลก่อตั้งในปี 2489 โดยตระกูลว่องกุศลกิจ ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลของประเทศไทยโดยมีตระกูลว่องกุศลกิจถือหุ้นเต็ม 100% ผ่าน บริษัท น้ำตาลมิตรสยาม จำกัด โรงงานน้ำตาลของเครือมิตรผลในประเทศไทยมี 5 แห่ง โดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม 130,500 ตันอ้อยต่อวัน ในปีการผลิต 2552/2553 บริษัทยังคงผลิตน้ำตาลได้สูงสุดในประเทศไทยที่ระดับ 1.28 ล้านตัน แม้ว่าจะลดลง 1.57% จากปีที่ผ่านมา แต่ก็เป็นอัตราที่ต่ำกว่าปริมาณผลผลิตน้ำตาลของทั้งประเทศที่ลดลง 3.94% กลุ่มมิตรผลยังคงส่วนแบ่งทางการตลาดของปริมาณอ้อยในสัดส่วน 18.09% ของปริมาณอ้อยทั้งประเทศ ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มไทยรุ่งเรือง (18.23%) เพียงเล็กน้อย แต่มากกว่ากลุ่มไทยเอกลักษณ์ (13.73%) และกลุ่มน้ำตาลขอนแก่น (6.42%)
บริษัทน้ำตาลมิตรผลยังขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนด้วย โดยปัจจุบันเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 7 แห่งในประเทศจีนซึ่งผลิตน้ำตาลได้ 1.11 ล้านตันในปีการผลิต 2551/2552 คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 8.85% ส่งผลให้บริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจีน ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลของโรงงานที่ระดับ 128.93 กิโลกรัม (กก.) ต่อตันอ้อยนับว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของโรงงานกลุ่มมิตรผลในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ 109.24 กก. ในปีงบประมาณ 2552 รายได้รวมของกลุ่มมิตรผลอยู่ที่ระดับ 49,049 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนคิดเป็น 43.29% ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของกลุ่มมิตรผลอยู่ที่ระดับ 7,670 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนถึง 49.85% ส่วนโรงงานน้ำตาลของบริษัทในประเทศลาวนั้นเริ่มดำเนินการผลิตในเดือนธันวาคม 2551 โดยผลิตน้ำตาลทรายดิบได้ 22,940 ตันในปีการผลิต 2551/2552 และในเดือนพฤษภาคม 2552 บริษัทสามารถส่งน้ำตาลทรายดิบชุดแรกที่ผลิตได้ในประเทศลาวไปขายในกลุ่มประเทศยุโรป ในปีการผลิต 2552/2553 บริษัท น้ำตาลมิตรลาว จำกัด สามารถจัดหาอ้อยได้ 367,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 65.72% จากปีที่ผ่านมา
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทน้ำตาลมิตรผลยังขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อย ได้แก่ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจผลิตแผ่นไม้อัด และธุรกิจผลิตกระดาษ ปัจจุบันโรงงานเอทานอลของบริษัทในประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่ 600,000 ลิตรต่อวัน หลังจากที่โรงงานเอทานอลที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อเดือนธันวาคม 2552 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของธุรกิจเอทานอลก็เพิ่มขึ้นจาก 642 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2550 เป็น 1,815 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2552 อันเป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตและราคาเอทานอลในตลาดที่สูงขึ้น
ผลประกอบการด้านการเงินของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยในปีงบประมาณ 2552 บริษัทมียอดขายรวม 49,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.57% จากปีงบประมาณ 2551 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นของน้ำตาลและเอทานอล อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงเล็กน้อยจาก 16.11% ในปีงบประมาณ 2551 เป็น 15.35% ในปีงบประมาณ 2552 เนื่องจากการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าภูเขียวไบโอนาน 6 เดือน และต้นทุนค่าโมลาสที่เพิ่มขึ้น ในช่วงปี 2553-2554 บริษัทมีงบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปีเพื่อใช้ในการขยายกำลังการหีบอ้อยของโรงงานน้ำตาลในไทย รวมทั้งใช้ขยายกำลังการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธ์ในประเทศจีน และสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศไทยและจีน โดยบริษัทเตรียมจัดหาเงินทุนเพื่อการดังกล่าวทั้งจากการใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและจากวงเงินกู้ใหม่ ส่วนเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นั้นบริษัทจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวชุดเดิมที่ใช้ลงทุนในธุรกิจพลังงาน (โรงไฟฟ้าและโรงงานเอทานอล) และธุรกิจแผ่นไม้อัด และชำระคืนเงินกู้เดิมบางส่วนของธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะยังคงใกล้เคียงกับระดับปัจจุบันที่ 50.85% ณ เดือนตุลาคม 2552
ในปีการผลิต 2552/2553 นั้น ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดที่ 27.29 เซนต์/ปอนด์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เป็น 16-17 เซนต์/ปอนด์ในเดือนเมษายน 2553 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยของบริษัทได้รับการคุ้มครองบางส่วนจากระบบแบ่งปันผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย และบริษัทได้ทำสัญญาขายน้ำตาลทรายดิบล่วงหน้าสำหรับผลผลิตน้ำตาลส่วนใหญ่ในปีการผลิต 2552/2553 ไว้ที่ราคาประมาณ 19 เซนต์/ปอนด์ ส่วนธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนซึ่งราคาน้ำตาลมักเปลี่ยนแปลงไปตามอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศนั้นมีผลทำให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 5,000 หยวนต่อตันในเดือนเมษายน 2553
บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MPSC10OA: หุ้นกู้มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A
MPSC11OA: หุ้นกู้มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A
MPSC12OA: หุ้นกู้มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)