ฟิทช์ให้อันดับเครดิต ‘F1+(tha)’ แก่โครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารทหารไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 4, 2010 08:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ แก่โครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารทหารไทย (TMB อันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘A+(tha)’/‘F1(tha)’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดยหุ้นกู้ในโครงการดังกล่าวเป็น หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน ไม่ด้อยสิทธิ มูลค่าไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน และทำการออกเป็นชุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ถึง เดือนตุลาคม 2554 อันดับเครดิตของ TMB สะท้อนถึงเงินกองทุนของธนาคารที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนของ ING Bank NV (ING อันดับเครดิตที่ ‘A+’/‘F1+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ในเดือนธันวาคม 2550 ผลการดำเนินงานของธนาคารมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2553 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการที่ธนาคารจะกลับมาเน้นในด้านการขยายธุรกิจมากขึ้นหลังจากการปรับโครงสร้างการดำเนินงานที่มี ING มาร่วมด้วยเสร็จสิ้นลง อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีความเสี่ยงด้านผลการดำเนินงาน เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลงจากผลกระทบของความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร หลังจากที่ TMB ประกาศกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาทและมีอัตราส่วนกำไรต่อสินทรัพย์ที่ 0.4% ในปี 2552 ธนาคารยังคงมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 (งบการเงินก่อนตรวจสอบและก่อนสอบทาน) โดยมีกำไรสุทธิ 0.7 พันล้านบาท (0.4 พันล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2552) และมีอัตราส่วนกำไรต่อสินทรัพย์ที่ 0.5% (0.3% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2552) แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิของ TMB จะปรับตัวลดลงจากการชำระคืนสินเชื่อ แต่ก็ได้รับผลดีจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากรายได้จากการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจากการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์รอการขายที่ลดลง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับเดิมที่ 2.4% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 TMB คาดว่าผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 2553 จะปรับตัวดีขึ้น จากการขยายตัวของสินเชื่อ (ตั้งเป้าที่ 10%) และรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน จากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ลดลงและการขยายตัวของสินเชื่อที่สูงขึ้น สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารยังคงลดลงต่อเนื่องเป็น 52.7 พันล้านบาท หรือ 14.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 (54.4 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2552) แม้ว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารจะอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดลงอย่างมากของสินเชื่อของธนาคารในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าวอาจลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 12% หลังจากการขายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มูลค่า 9.4 พันล้านบาทของธนาคารภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 อัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ TMB แม้จะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นที่ 58.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 ด้วยสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังคงอ่อนแอและธนาคารยังคงมีความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ส่งผลให้ TMB ยังคงมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญและการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจจะยังคงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคาร ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 TMB มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 12.9% และ 16.4% ของสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ระดับเงินกองทุนดังกล่าวน่าจะสามารถรองรับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ในระดับหนึ่ง และจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับการตั้งสำรองเพิ่มเติมได้ TMB เป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของประเทศไทย โดยมีสินทรัพย์รวม 560 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 ING เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดในสัดส่วน 30% ผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่น ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง 26% และ DBS Bank ของสิงคโปร์ 7% ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ระดับหนึ่งที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหากมีความจำเป็น หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตของบริษัทฯ นี้ ฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Global Financial Institution Criteria ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2552 และ National Ratings-Methodology Update ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2549 ติดต่อ พชร ศรายุทธ, Vincent Milton กรุงเทพฯ หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ