กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่ที่ใช้บริการทางด่วน ควรวางแผนก่อนการเดินทาง จดจำจุดขึ้น — ลงให้แม่นยำ หมั่นสังเกตป้ายบอกทาง และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับผ่านทางเบี่ยง หลีกเลี่ยงการจอดรถบนทางด่วนโดยไม่จำเป็น สำหรับผู้ใช้อุโมงค์ทางลอด ควรใช้ความเร็วไม่เกิน ๔๐ กม./ชม. เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางภายในอุโมงค์ทางลอดค่อนข้างจำกัด หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การขับรถบนทางด่วนและการขับผ่านอุโมงค์ทางลอดมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าเส้นทางทั่วไป เนื่องจากความไม่ชำนาญเส้นทาง และผู้ขับขี่มักใช้ความเร็วสูงในการขับผ่านเส้นทางดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีขับขี่อย่างปลอดภัย ดังนี้ ทางด่วน วางแผนการเดินทางล่วงหน้า ศึกษาและจดจำจุดขึ้น-ลงทางด่วนให้แม่นยำ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากความไม่ชำนาญเส้นทาง หมั่นสังเกตป้ายบอกทาง ใช้ความเร็วตามป้ายกำหนดความเร็วริมข้างทาง โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านเส้นทางเบี่ยง ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ไม่จอดหรือหยุดรถบนทางด่วนโดยไม่มีสาเหตุ งดใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดในระหว่างขับขี่ เพราะนอกจากทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลงแล้ว ยังผิดกฎหมายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย หากจำเป็นต้องหยุดรถให้จอดรถในบริเวณจุดพักรถเท่านั้น นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์และรถที่บรรทุกคนหรือสิ่งของโดยไม่มีหลังคาปิดมิดชิด หรือบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราที่กำหนดห้ามขึ้นทางด่วนอย่างเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง อุโมงค์ทางลอด ในการขับรถผ่านอุโมงค์ทางลอด ผู้ขับขี่ควรใช้ความเร็วไม่เกิน ๔๐ กม./ชม. เพราะความมืดทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางจำกัด หากมีรถจอดเสียหรือการจราจรติดขัด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะช่วงฝนตกต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพราะถนนมีน้ำท่วมขัง หากขับรถด้วยความเร็วสูงจะทำให้รถเสียหลักได้ง่าย ที่สำคัญ ไม่ว่าจะขับขี่บนเส้นทางใดก็ตาม ผู้ขับขี่ควรขับรถด้วยความไม่ประมาท เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ปลอดภัย ไม่เปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหัน ไม่ชะลอความเร็วหรือหยุดรถในระยะกระชั้นชิด และให้สัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทางอย่างน้อยในระยะ ๓ เมตร กรณีประสบอุบัติเหตุ ให้นำป้ายหรือวัสดุสะท้อนแสงมาตั้งห่างจากรถที่จอดเสียในระยะ ไม่ต่ำกว่า ๓๐ เมตร เพื่อให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางเบี่ยงไปใช้ช่องทางอื่นได้อย่างปลอดภัย