ทริสเรทติ้งทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. ควอลิตี้ เฮ้าส์” และจัดอันดับหุ้นกู้ใหม่ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable” จาก “Negative”

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 10, 2010 16:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมของ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” นอกจากนี้ยังเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางถึงสูง และรายได้ที่สม่ำเสมอจากหลากหลายแหล่งทั้งจากค่าเช่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และอาคารสำนักงาน การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความคล่องตัวทางการเงินจากการถือครองเงินลงทุนในบริษัทร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง และการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการที่บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มมากขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดบ้านจัดสรรราคาสูงต่อไปได้ อีกทั้งจะรักษาสัดส่วนของสินค้าให้มีความสมดุลย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของลูกค้า โดยที่ภาระหนี้ของบริษัทยังเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ แผนการลงทุนเพื่อขยายโครงการไม่ควรส่งผลกระทบต่อความพยายามของบริษัทในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่งบดุล ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตลาดบ้านจัดสรรราคาปานกลางถึงสูง บริษัทก่อตั้งในปี 2526 โดย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ เดือนเมษายน 2553 ประกอบด้วยบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ร่วมกับตระกูลอัศวโภคิน (25%) และ The Government of Singapore Investment Corporation Pte. Ltd. (11%) ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากการมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัยราคาสูง รวมถึงการ มีแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่มีคุณภาพซึ่งประกอบด้วยเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ Centrepoint และอาคารสำนักงาน Q. House อีกทั้งยังมีโครงการบ้านจัดสรรราคาปานกลาง Casa Ville และ Casa City ซึ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยบริษัทมียอดขายโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 90% ของรายได้รวมในปี 2552 ในขณะที่รายได้ค่าเช่าจากโครงการอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มีประมาณ 10% ราคาขายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อหน่วยในโครงการทั้งหมดของบริษัทในปี 2552อยู่ที่ 7.3 ล้านบาท โดยลดลงอย่างต่อเนื่องจากที่เคยสูงกว่า 10 ล้านบาทในปี 2549 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่เน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางมากขึ้น ณ สิ้นปี 2552 บริษัทมีมูลค่าขายคงเหลือสำหรับโครงการที่กําลังเปิดขายประมาณ 17,000 ล้านบาท หรือ 1.7 เท่าของยอดขายต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 แห่งคือ Q. House Condo Sathorn และ Q. Langsuan ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น5,810 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะสร้างรายได้รวมกันประมาณ 3,000 ล้านบาทในปี 2553 เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ มีประเภทของสินทรัพย์ที่แตกต่างออกไปเนื่องจาก 1 ใน 4 ของสินทรัพย์รวมเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและเป็นเงินลงทุนในบริษัทร่วม โดยอสังหาริมทรัพย์ให้เช่านอกจากจะสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอและเงินสดรับที่แน่นอนแล้ว ยังช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทด้วยเนื่องจากบริษัทสามารถขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ เงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 3 แห่งซึ่ง 2 แห่งเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอีก 1 แห่งอยู่ในแผนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นทำให้บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อปีซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทในระยะยาวด้วย ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ มีรายได้ในปี 2552 จำนวน 11,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากปี 2551 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายในปี 2552 ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 20.3% เทียบกับ 21.3% ในปี 2551 เนื่องจากโครงการ Casa City 2 แห่งมีอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรที่ลดลงนี้ยังได้รับการชดเชยบางส่วนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนได้ถึง 4% ของยอดขายจากการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรของบริษัทคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 16%-18% หลังจากที่มาตรการด้านภาษีดังกล่าวสิ้นสุดลง การลดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปี 2552 ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไปใช้ชำระหนี้คืนได้บางส่วน ณ สิ้นปี 2552 บริษัทมีหนี้สินทั้งสิ้น 12,936 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 51.1% ลดลงจาก 56.8% ในปี 2551 ในระยะสั้น ภาระหนี้ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการที่บริษัทวางแผนขยายการลงทุนอีกครั้งเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สถานะสภาพคล่องของบริษัทได้รับแรงหนุนทั้งจากเงินสดในมือจำนวน 1,187 ล้านบาท และจากวงเงินสินเชื่อระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกอีก 5,994 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 รวมทั้งจากความสามารถในการระดมเงินในตลาดทุน ทริสเรทติ้งกล่าวถึงภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2552 ว่าค่อนข้างผันผวนอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไร้เสถียรภาพและวิกฤติการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมักมีแนวโน้มตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 น่าจะเติบโตเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A- อันดับเครดิตตราสารหนี้:QH107A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A- QH10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A- QH113A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A- QH11OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A- QH123A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A- QH123B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A- QH127A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A- QH127B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A- หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่) จาก Negative (ลบ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ