กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เป็นผู้กำกับภาพมือรางวัลระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่ผ่านการร่วมงานกับผู้กำกับคุณภาพอย่าง ท่านมุ้ยมจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล, อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร, วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง, อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ ฯลฯ โดยสะสมมุมมองความสามารถในการถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาภาพที่สื่อความหมายได้อย่างสวยงาม อลังการ เต็มไปด้วยความน่าตื่นตา ตรึงความรู้สึกของคนดูได้อย่างอยู่หมัดผ่านผลงานระดับสุดยอดอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, โหมโรง, ฟ้าทะลายโจร, จันดารา, ต้มยำกุ้ง และองค์บาก1-2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน “องค์บาก3” พูดได้ว่า “น้ากล้วย” หรือ “ณัฐวุฒิ กิตติคุณ” ได้นำเอาประสบการณ์ตลอด 20-30 ปีมาบรรจงถ่ายทอดอย่างตั้งใจ ละเอียดละออ และเต็มไปด้วยความพิถีพิถันให้ภาพทุกช็อตที่ปรากฎขึ้นทั้งในส่วนแอ็คชั่นและอารมณ์แห่งจินตนาการของ “องค์บาก3” ล้วนสื่อสารออกมาได้สมกับเป็นสุดยอดผลงานในระดับมาสเตอร์พีซเลยทีเดียว
“ทำงานในส่วนกำกับภาพมาทั้งหมด 20 กว่าปี สำหรับองค์บากถือว่าเหมือนเราเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่เคยผ่านมาทั้งชีวิตมาลงกับหนังเรื่องนี้ พูดแล้วขนลุกครับ มันยิ่งกว่าความภาคภูมิใจอีกที่จาเปิดโอกาสให้เราได้ทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นด้วยมุมกล้อง ด้วยแสง หรือบางทีมีการเสริมคิวบู๊ให้ด้วย (หัวเราะ) ว่ามันน่าจะเป็นอย่างนี้ๆๆๆ นะ ถือว่าเราภูมิใจมากๆ กับหนังเรื่องนี้ ถามว่าจริงๆ แล้วการทำหนังแอ็คชั่นมันก็ยากอยู่แล้ว แล้วยิ่งเป็นหนังที่มีจาด้วย และเป็นงานพีเรียดด้วย ความละเอียดของทุกอย่างมันดูเบิ้ลยิ่งขึ้นไปอีก มันเหมือนกับว่าเราทำหนัง เราก็อยากได้ผลงานดีๆ ออกไปสู่ตลาดโลก คือไม่เฉพาะคนไทย ทั้งแบบทั่วโลกให้ยอมรับ”
ด้วยความตั้งใจให้ “องค์บาก3” เป็นการปิดตำนานอย่างสมบูรณ์ที่สุดสมกับที่คนทั้งโลกรอคอย พันนา-จาพนม ผู้กำกับภาพยนตร์ รวมทั้งณัฐวุฒิ กิตติคุณ ผู้กำกับภาพจึงตั้งใจนำเสนอภาพความอลังการของฉากและโลเกชั่นที่งดงาม วิจิตร ตระการตาแทบทั่วทุกภูมิภาคของไทยบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มในครั้งนี้ด้วยไม่ว่าจะเป็น ผาเจ๊ก จ.อุบลราชธานี ที่มีความสูงเทียบเท่าตึกใบหยก, ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย, น้ำตกถ้ำมรกต จ.กระบี่, ระยอง, จันทรบุรี, สุรินทร์, เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ฯลฯ ทำให้ทุกการถ่ายทำต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยากลำบาก ตั้งแต่การที่ต้องใช้เวลาเดินทางเข้าป่าขึ้นเขาลงน้ำตกพร้อมกับขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ เป็นวันๆ แต่กลับถ่ายทำได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน แต่เชื่อว่าเมื่อภาพปรากฎสู่สายตาคนไทยทุกคนจะรู้สึกภูมิใจไปกับความงดงามของผืนแผ่นดินไทยอย่างแน่นอน
อนึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าในปัจจุบันหากไม่ใช่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จริงๆ อย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3-4 ภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่ล้วนหันไปถ่ายทำในระบบดิจิตอลกันเป็นส่วนใหญ่ สำหรับ “องค์บาก3” เป็น 1 ในภาพยนตร์เรียลแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุด ที่ยังยืนยันถ่ายทำด้วยระบบฟิล์มภาพยนตร์ 35 มม.อย่างเต็มรูปแบบ และในทุกๆฉากล้วนใช้กล้องถ่ายทำภาพยนตร์ไม่ต่ำกว่า 2 ตัวในการถ่ายทำ บางฉากต้องใช้กล้องอย่างน้อยถึง3ตัวขึ้นไป รวมทั้งมีการนำเอาอุปกรณ์พิเศษมาช่วยในการถ่ายทำเพื่อผลทางด้านภาพให้ออกมายิ่งใหญ่อลังการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอา “เอ็กซ์ตรีมเครน” ที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด และยาวที่สุดในเอเชียถึง 22 เมตร มาใช้ถ่ายทำในฉากไฮไลท์ของภาพยนตร์ที่เราจะเห็นจาพนมยืนอยู่บนหน้าผาที่มีความสูงด้วยความตื่นตา
เตรียมพบกับ “องค์บาก3” อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของภาพยนตร์ไทยที่คนไทยจะได้ดูก่อนใครในโลก ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์