กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนมีนาคม 2553 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ดังนี้
ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ
1. การกู้เงินภาครัฐ
- เดือนมีนาคม 2553
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 36,000 ล้านบาท และได้เบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ วงเงินรวม 9,451 ล้านบาท โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีการกู้เงินรวม 6,955 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินบาทสมทบ 0.49 ล้านบาท กู้เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 1.12 ล้านบาท กู้เพื่อการลงทุน 1,498.39 ล้านบาท และกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไป 5,455 ล้านบาท การประปาส่วนภูมิภาคกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไป 2,141 ล้านบาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพการกู้เพื่อการลงทุน 355 ล้านบาท
- ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 272,016 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของกระทรวงการคลัง 236,572 ล้านบาทและของรัฐวิสาหกิจ 35,444 ล้านบาท
2. การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ
2.1 เดือนมีนาคม 2553
- หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครง
สร้างตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม 9,313 ล้านบาท แบ่งเป็นการ Roll Over วงเงินรวม 4,813 ล้านบาท โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม จำนวน 2,400 ล้านบาท 1,413 และ 1,000 ล้านบาท ตามลำดับ และการเคหะแห่งชาติได้ทำการ Refinance หนี้เดิม วงเงินรวม 4,500 ล้านบาท
2.2 ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553
- หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง
หนี้ในประเทศ วงเงินรวม 88,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 1) การแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล 23,000 ล้านบาท 2) การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนด 30,000 ล้านบาท 3) การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และ 4) การปรับโครงสร้างตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด 25,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 103,475 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ภาครัฐ
- เดือนมีนาคม 2553
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยเงินงบประมาณรวม 10,151 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นการชำระคืนเงินต้น 4 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 10,147 ล้านบาท
- ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมโดยเงินงบประมาณรวม 67,031 ล้านบาท
รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 มีจำนวน 4,075,144 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.90 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,713,303 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,101,179 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 191,029 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 69,633 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 66,723 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้น 68,285 ล้านบาท 2,571 ล้านบาท และ 869 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 5,002 ล้านบาท ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 68,285 ล้านบาท รายการที่สำคัญเกิดจากรัฐบาลได้เบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 40,000 ล้านบาท และได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ออกตั๋วเงินคลัง จำนวน 64,000 ล้านบาท และไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง ที่ครบกำหนด จำนวน 55,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,571 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันในส่วนของหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเบิกจ่ายเงินกู้จากแหล่งเงินกู้ต่างๆ สูงกว่าการชำระคืนต้นเงินกู้
สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 5,002 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
หนี้สาธารณะ จำนวน 4,075,144 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 379,550 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.31 และหนี้ในประเทศ 3,695,594 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.69 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,815,526 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.63 และหนี้ระยะสั้น 259,618 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.37 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5510