บีโอไอจูงใจเอกชนลงทุนยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมพร้อมผ่อนคลายเงื่อนไขส่งเสริมกิจการฟอกย้อม

ข่าวทั่วไป Wednesday July 18, 2007 11:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--บีโอไอ
บอร์ดบีโอไอปรับเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมการลงทุน มุ่งยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เอกชนสามารถลงทุนปรับปรุงการรักษาสิ่งแวดล้อมได้จริงโดยขยายระยะเวลายื่นคำขอและดำเนินการ พร้อมเปิดทางให้โครงการลงทุนเดิมที่ยังใช้สิทธิประโยชน์ไม่หมด ยื่นขอรับส่งเสริมได้ คาด พื้นที่มาบตาพุดพร้อมลงทุนเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท พร้อมผ่อนคลายเงื่อนไขส่งเสริมกิจการฟอกย้อมให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้บีโอไอ ปรับเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มเติมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเงื่อนไขใหม่นี้จะมุ่งเน้นให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินการ มีระยะเวลาดำเนินการสอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และทำให้มาตรการสามารถดำเนินการในทางปฏิบัติได้มากขึ้น
สำหรับเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ขยายเวลาดำเนินการ จากเดิมกำหนดให้ผู้ประกอบการที่สนใจต้องยื่นคำขอดำเนินการภายในปี 2551 และดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2553 ปรับเป็นเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นคำขอได้ภายในปี 2552 และดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2554 2.ผู้ที่ได้รับการส่งเสริม และยังเหลือสิทธิในการยกเว้น/ลดหย่อนภาษีเงินได้อยู่ สามารถขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการนี้ได้
ด้านนายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การปรับเงื่อนไขดังกล่าว จะแก้ไขปัญหาเรื่องข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการดำเนินโครงการได้มากขึ้น เนื่องจากตามข้อเสนอของกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย ในพื้นที่ มาบตาพุด มีแผนที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการตามโครงการนานที่สุด คือภายในปี 2554
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับส่งเสริมภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมตามข้อกำหนดของบีโอไอ จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับปรุง ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของมูลค่าเงินลงทุนที่ใช้ในการปรับปรุง โดยยกเว้นจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่
ผ่อนคลายเงื่อนไขกิจการฟอกย้อม
นายสาธิต กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการฟอกย้อมและแต่งสำเร็จ จากเดิมที่กำหนดให้ต้องตั้งกิจการในนิคมอุตสาหกรรมสิ่งทอครบวงจรเท่านั้น ให้สามารถตั้งโรงงานทั้งในนิคมอุตสาหกรรม และในเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอได้ด้วย
กิจการฟอกย้อมเป็นอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก จึงทำให้ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสิ่งทอเท่านั้น เพื่อความสะดวกต่อการควบคุมดูแล แต่ปัจจุบันมีอยู่เพียง 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดราชบุรี และสมุทรสาคร ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวส่งผลให้การลงทุนในกิจการฟอกย้อม ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ผ้าหรือด้ายมีคุณภาพ ไม่มีการลงทุนที่มากพอที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และกลายเป็นจุดอ่อนของอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยในปัจจุบัน
ดังนั้น เพื่อกระตุ้นและอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุนในกิจการฟอกย้อม ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้กิจการฟอกย้อม สามารถลงทุนทั้งในนิคมอุตสาหกรรมและในเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งมีระบบการควบคุมสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีความพร้อมในระบบการบำบัดน้ำเสีย ที่สามารถรองรับกิจการฟอกย้อมและแต่งสำเร็จสิ่งทอได้ และต้องผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย
ปัจจุบันมีเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ดำเนินการโดยเอกชน และมีการพัฒนาพื้นที่แล้วรวม 15 แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดระยอง 5 แห่ง ปราจีนบุรี 4 แห่ง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ชลบุรี สิงห์บุรี นครราชสีมา และลำพูน อีกจังหวัดละ 1 แห่ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ