กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--เมืองไทยประกันภัย
“เมืองไทยประกันภัย” ปลื้มผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี53 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 44 % เบี้ยประกันภัยรับรวม 1,232 ล้านบาท เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายช่องทางการขาย พร้อมมุ่งเน้นแผนงานหลักครอบคลุมทุกช่องทาง
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผย ผลการดำเนินงานช่วงเดือนมกราคม — มีนาคม 2553 ว่า บริษัทฯมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายช่องทางการขาย ทั้งนี้สัดส่วนเบี้ยประกันภัยมาจาก ประกันภัยรถยนต์ร้อยละ 43 และประกันภัยทั่วไปร้อยละ 57 โดยแยกเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัยร้อยละ 36 ประกันภัยเบ็ดเตล็ดร้อยละ 37 ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลร้อยละ 23 และประกันภัยทางทะเลร้อยละ 4 เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ 850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8
บริษัทฯมีกำไรจากการรับประกันภัย 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการบริหารจัดการสินไหมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในไตรมาส 1 บริษัทมี Loss Ratio ร้อยละ 52 ลดลงจากเดิมประมาณ 54% นอกจากนี้บริษัทฯมีรายได้และผลกำไรจากการลงทุนรวม 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 102.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 และมีกำไรสุทธิ 79.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44
นางนวลพรรณ กล่าวต่อว่า ในปี 2553 นี้ บริษัทฯมีแผนงานหลัก ได้แก่
ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯมีแผนงานดังต่อไปนี้
- การขายผ่านช่องทางธนาคาร (KBancassurance) มุ่งเน้นการออกผลิตภัณฑ์หลายหลากให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าของธนาคาร ได้แก่ SME package หรือประกันภัยรถยนต์ 2+ รวมทั้งการขายผลิตภัณฑ์ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ของธนาคาร ได้แก่ โครงการประกันภัย Marine, K-Max Debit Card, Payroll Plus เป็นต้น
- การขายผ่านตัวแทน บริษัทฯได้ปรับนโยบายการขยายงานของตัวแทนออกเป็น 2 ส่วน คือตัวแทนเดิม บริษัทฯจะมุ่งเน้นการขยายงานแบบ Cross Selling ส่วนตัวแทนรายใหม่ บริษัทฯมุ่งเน้นการอบรมให้ความรู้ด้านการขายแบบ Non —Motor มากขึ้น
- พันธมิตรกลุ่มรถยนต์ เป็นช่องทางที่บริษัทฯขยายตัวด้านคู่ค้าและมียอดขายเพิ่มมากขึ้น โดยมีการขายผ่านลิสซิ่ง และเดลเลอร์เป็นคู่ค้าหลัก ส่งผลให้บริษัทฯสามารถขยายงานด้านรถยนต์ผ่านช่องทางนี้ได้สูงขึ้น
- การขายผ่านกลุ่มพันธมิตรเฉพาะธุรกิจ โดยบริษัทฯได้ออกแบบกรมธรรม์เฉพาะเจาะจงตามกลุ่มลูกค้า (Segmentation) เช่น กลุ่มลูกค้าของสายการบินนกแอร์ หรือกลุ่มลูกค้าของดีแทค ธุรกิจ Modern Trade นอกจากนั้น ยังมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์พิเศษ ได้แก่ ประกันภัย Professional Indemnity, D&O, Jeweller’s Block, การประกันภัยจลาจลก่อการร้าย ให้แก่ลูกค้าองค์กรที่มีความต้องการและเป็นไปตามแนวโน้มการคุ้มครองความเสี่ยงภัยในปัจจุบัน
- การขยายการขายผลิตภัณฑ์ตะกาฟุล บริษัทเป็นเพียง 1 ใน 2 บริษัทที่ทำตลาดประเภทนี้ บริษัทฯตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยประมาณ 50 ล้านบาท โดยขายผ่านช่องทางหลักได้แก่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และสำนักงานตัวแทนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้และในกทม.
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ขายน้อยรายในตลาด ได้แก่ การประกันภัยสัตว์เลี้ยง การประกันภัยของสะสม เป็นต้น ซึ่งเป็นกลยุทธในการสร้างความต้องการในการเจาะตลาดใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภค
ด้านการให้บริการแก่ลูกค้า บริษัทฯมีแผนในการขยายศูนย์บริการลูกค้าให้ครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถเปิดศูนย์บริการลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 4 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ รวมเป็นทั้งหมด 12 แห่ง และบริษัทมีแผนจะขยายให้ครบ 20 แห่งในปี 2554 ด้านการบริหารจัดการภายใน บริษัทฯมุ่งเน้นการสร้างประสิทธิภาพการบริการเพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยบริษัทฯได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลางใหม่ (Core System) ในต้นเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารจัดการโดยเป็นระบบหลักระบบเดียว โดยระบบนี้จะลดต้นทุนการบริหารงานของบริษัทฯ ตามแผนซึ่งจะเห็นความชัดเจนในอีก 2 ปีข้างหน้า
ด้านทรัพยากรบุคคล บริษัทฯเตรียมนำเครื่องมือการบริหารจัดการ ที่สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อพัฒนากระบวนการพัฒนาความรู้ ทักษะ และความสามารถที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างค่านิยม ( Core Value) ขององค์กร โดยมีการขยายผลโครงการ “รักเมืองไทย. เป็น “รักเมืองไทยยกโขยง” เป็นการเพิ่มการสร้างทีมงานระหว่างฝ่ายงานให้สร้างโครงการปรับปรุงกระบวนการและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านการสื่อสารทางการตลาด บริษัทฯจะเริ่มออกอากาศภาพยนตร์สั้นเวลา 1 นาที จำนวน 3 ชุด ออกอากาศทางเคเบิ้ลทีวีของกลุ่มแกรมมี่ โดยเริ่มออกอากาศวันแรกคือวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ พร้อมออกอากาศสปอตวิทยุ“ประกันภัยรถยนต์ เมืองไทย 5 พลัส” ชื่อชุด “ยิ้ม” ความยาว 30 วินาที ครอบคลุมทุกภาคของประเทศไทย นอกจากนี้บริษัทฯยังได้จัดกิจกรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น งานมหกรรมทางการเงิน(Money Expo) ที่พัทยา จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ การออกบูธในงานคอนเสิร์ตทีวี 3 สัญจร การออกบูธงานคอนเสิร์ต 4 ช่องแกรมมี่ออนทัวร์
ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัทฯได้ให้การสนับสนุนนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ในการแข่งขัน AFC WOMEN’S ASIAN CUP 2010 ณ เมืองเฉินตู สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน รวมทั้งการจัดการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมรัฐบาลกับนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่
นางนวลพรรณ กล่าวในตอนท้ายว่า “ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาสแรกที่ผ่านมานี้ดี เป็นผลมาจากบริษัทฯได้ขยายช่องทางและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ทำให้สามารถเพิ่มยอดเบี้ยประกันภัยได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯยังมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมาก รวมทั้งการนำระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลางมาใช้ และการพัฒนาบุคคลากรของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง และการจัดกิจกรรมเพื่อตอบสนองคืนสู่สังคม ซึ่งบริษัทฯจะดำเนินการเช่นนี้ตลอดไป ”