เน็ตเบย์ มุ่งขยายฐาน อี-โลจิสติกส์ เกตเวย์ เจาะตลาดอาเซียน เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย แข่งตลาดโลก

ข่าวทั่วไป Tuesday February 27, 2007 17:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--นิวส์ เพอร์เฟค คอมมิวนิเคชั่น
เน็ตเบย์ ผู้นำในการให้บริการด้าน อี-โลจิสติกส์ เกตเวย์ (e-Logistics Gateway) เตรียมขยายฐาน เจาะตลาดอาเซียน รองรับ “eASEAN Single Window 2008” นำร่องด้วยโครงการระหว่างประเทศฟิลิปปินส์กับไทย พร้อมจับมือและรองรับนโยบายกรมศุลกากร เข้าสู่ระบบ eCustoms-Paperless ครบวงจร ตามมาตรฐาน World Class Standard พร้อมแข่งขันกับภูมิภาคอาเซียน เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย แข่งขันในตลาดโลก
นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2008 ภูมิภาคอาเซียน จะเริ่มใช้ระบบ eASEAN Single Window ซึ่งจะทำให้เกิดธุรกรรมทางการค้าเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมหาศาล ระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งมี 6 ประเทศจะเริ่มก่อนเพื่อเข้าสู่ระบบ eASEAN 2008 ส่วนอีก 4 ประเทศที่ยังไม่พร้อมจะเริ่มในปี ค.ศ. 2012 ผู้ประกอบการที่ต้องการความรวดเร็ว ในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งปรับตัว เพื่อรองรับการแข่งขันตั้งแต่บัดนี้ “เน็ตเบย์” หนึ่งในผู้ให้บริการ “เกตเวย์” ในการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ เกี่ยวกับเอกสารทางการค้า Trade Documents หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง “Shipping Documents” อาทิ ใบขนสินค้าขาเข้า และขาออก ใบอนุญาต “Certificate of Origins” และเอกสารทางการค้าอื่นๆอีกมาก จึงได้เตรียมขยายการให้บริการด้านธุรกรรรมออนไลน์ของคนไทยเชื่อมโยงเข้าสู่ eASEAN Gateway ทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์ก่อน
ซึ่งขณะนี้ “เน็ตเบย์” ได้ทำการเชื่อมโยงระบบ และทำการทดสอบการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยเรื่องเอกสารทางการค้าฟอร์มดี (Form D) ระหว่าง eASEAN Gateway ของกรมศุลกากรประเทศฟิลิปปินส์กับไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากทยอยทดสอบทุกระบบสมบูรณ์ จะช่วยผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์ด้านสิทธิทางภาษีของแต่ละประเทศ
“สำหรับตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรไทยได้ผลักดัน eCustoms-Paperless ในการผ่านพิธีการนำเข้าและส่งออกทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร แทนระบบเดิมอีดีไอ (EDI) จากความสำเร็จในการให้บริการของ “เน็ตเบย์” ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2550 ในการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ “ไร้เอกสาร” ของกลุ่ม “คาร์โก้ เทอร์มินัล” ของบางกอกแอร์แวย์ (BFS) และการบินไทย ณ.สนามบินสุวรรณภูมิผ่านเกตเวย์ของเน็ตเบย์เข้าสู่ระบบ eCustoms ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็วเพิ่มขึ้น ลดเวลา, ลดขั้นตอน ระบบดังกล่าวสามารถทำงานและติดตามงานได้ทุกขั้นตอนจากทุกที่ทุกเวลา ที่สำคัญระบบนี้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับ “Gateway” ของต่างประเทศ ทำให้สามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ทั่วโลก”
นอกจากนี้ “เน็ตเบย์” ยังได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีสาขาในประเทศไทย โดยเน็ตเบย์ได้เปิดให้บริการธุรกรรมออนไลน์ เพื่อรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไร้เอกสารให้กับกลุ่มยักษ์ใหญ่ Big 4 ของโลกด้านคาร์โก้ เอ็กเพรส เช่น Fedex, TNT Express, UPS, และ DHL ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการได้รับการบริการอย่างรวดเร็วในเรื่องของเวลา 7 วัน X 24 ชั่วโมง (Non Stop) เพื่อทำการเคลียร์สินค้านำเข้าและส่งออกในแต่ละวันให้รวดเร็วมากกว่าคาร์โก้อื่นทั่วไป
เน็ตเบย์” จึงมุ่งมั่นขยายฐานอี-โลจิสติกส์ เกตเวย์ อย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน เน้นการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการทำธุรกรรมออนไลน์ในรูปแบบ “National Single Window” เพื่อเชื่อมโยงและให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับเอกสารทางการค้า, ใบอนุญาตต่างๆ สำหรับผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออก รวมทั้งภาคเอกชน, กลุ่ม Freight Forwarder, กลุ่มชิปปิ้ง และอื่นๆ ตลอดจนการเชื่อมโยงกับ eASEAN Single Window ในภูมิภาคอาเซียน
ข้อมูลเกี่ยวกับ เน็ตเบย์ : เน็ตเบย์ เกิดจากการร่วมทุนของ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เรียกชื่อย่อว่า “INET” และ บริษัท ซอฟท์แวร์ลิ้งค์ จำกัด ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งขึ้นโดยการนำเอาจุดดี จุดแข็งของสองฝ่ายมารวมกัน เพื่อรองรับนโยบาย อี-โลจิสติกส์ เกตเวย์ ตามนโยบายของแต่ละหน่วยงานภาครัฐ และรัฐบาล ต้องการการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน การรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติมได้ที่
คุณยิ่งยศ ฐาปนกุลศักดิ์
บริษัท มาร์เก็ต เซิร์ฟ จำกัด ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 02 719 3458 E-mail : yingyos_th@yahoo.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ