อินเทลเตรียมใช้ชิปอะตอมกับรถยนต์ระบบสื่อสารในจีน พร้อมเปิดเผยถึงความท้าทายด้านการวิจัยเกี่ยวกับการใช้พลังงานภายในบ้าน รถยนต์ และเครือข่าย

ข่าวเทคโนโลยี Monday May 17, 2010 10:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ประเด็นข่าว: ? อินเทลเปิดตัว “ทัลแนล ครีก” (Tunnel Creek) ซิสเต็มออนชิป (System-onChip หรือ SoC) สำหรับไอพีโฟน พรินเตอร์ และระบบอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ ? ฮาวไต ผู้ผลิตรถยนต์ในจีน เตรียมนำโปรเซสซอร์อะตอมและซอฟต์แวร์ “มีโก” (MeeGo) ในแพลตฟอร์มระบบ อินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ ? อินเทล และ ไชน่า โมไบล์ หนึ่งในบริษัทสื่อสารชั้นนำที่ใช้โปรเซสเซอร์อินเทลในเครือข่ายรุ่นๆ ต่อไป ? อินเทล แล็ป สาธิตการใช้เซ็นเซอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะและแดชบอร์ดควบคุมระบบพลังงานในบ้าน ซึ่งระบบสามารถเรียนรู้และแสดงให้เห็นถึงปริมาณการใช้พลังงานทั้งในบ้านและในหน่วยงานธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม, ปักกิ่ง,— เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารอินเทลได้เปิดตัว อินเทล ซิสเต็ม-ออน-ชิป (System-on-chip หรือ SoC) รุ่นล่าสุดสำหรับแอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ด โดยได้อธิบายถึงผลการวิจัยที่จะช่วยให้บ้านเรือนและธุรกิจขนาดเล็กสามารถบริหารจัดการระบบการใช้พลังงานได้ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ SoC รุ่นล่าสุดที่ซ่อนอินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ ไว้ภายในจะช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างอุปกรณ์ที่รองรับ PCI Express* เพื่อเชื่อมต่อโดยตรงกับชิปได้เป็นครั้งแรก ทำให้แอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ดทำงานได้คล่องตัวมากกว่าเดิม อินเทลยังพูดถึงงานที่ทำร่วมกับฮาวไต* ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในจีนซึ่งมีแผนนำเอาอินเทลอะตอมโปรเซสเซอร์และซอฟต์แวร์ MeeGo ไปใช้กับระบบอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต นอกจากนั้น ไชน่า โมไบล์* ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารไร้สายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังมีแผนที่จะนำชิปอินเทลไปใช้กับแพลตฟอร์มที่รองรับการทำงานของเครือข่ายไร้สายของตนอีกด้วย ดัก เดวิส รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป เอ็มเบ็ดเด็ด แอนด์ คอมมูนิเคชัน กรุ๊ป ของอินเทล กล่าวว่า “อินเทลตั้งใจและทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านนวัตกรรมแอพพลิเคชันใหม่ๆ ในจีน โดยได้ร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ในจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาโซลูชันระบบประมวลผลที่รองรับการเชื่อมต่อที่ชาญฉลาดมากขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับรถยนต์ บ้านเรือน และธุรกิจต่างๆ จนกลายเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เข้ามารองรับการใช้งานโมไบล์ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและติดต่อสื่อสารกับอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม” เดวิสเปิดเผยรายละเอียดของผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของอินเทล ซึ่งมีชื่อรหัสว่า “ทันแนล ครีก” (Tunnel Creek) ขณะบรรยายบนเวที โดยกล่าวว่า SoC รุ่นนี้ใช้สำหรับแอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ด เช่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ ในรถยนต์ และไอพีโฟน (โทรศัพท์ที่ใช้อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล) ซึ่งต้องใช้มีเดียต่างๆ นอกจากนั้น SoC รุ่นนี้ยังใช้ระบบเชื่อมต่อแบบมาตรฐานกับโปรเซสเซอร์อีกด้วย SoC มีองค์ประกอบภายในครบวงจร ประกอบด้วย อินเทลอะตอม คอร์, เมมโมรี คอนโทรลเลอร์ ฮับ, กลไกกราฟิก และกลไกระบบวิดีโอที่รวมอยู่ในชิปเพียงตัวเดียว นอกจากนั้น ชิปรุ่นนี้ยังใช้งานร่วมกับชิปที่บริษัทต่างๆ พัฒนาขึ้นเองได้ด้วย หากชิปของบริษัทต่างๆ ดังกล่าวใช้มาตรฐาน PCI Express* ชิปรุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัว ช่วยลดต้นทุนด้านวัสดุ และลดพื้นที่บนเมนบอร์ดสำหรับแอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ดอีกด้วย อินเทลชนะใจผู้ค้ารถยนต์และสื่อสารในจีน เดวิส ได้เชิญผู้บริหารของบริษัทฮาวไต ออโตโมบิล บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนขึ้นมาร่วมบรรยายบนเวที โดยฮาวไตได้ประกาศว่า รถซีดานสุดหรูรุ่นใหม่ คือ บี11 จะมีการติดตั้งแพลตฟอร์มที่ใช้ อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ และ MeeGo ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เปิด ไว้ในระบบอินโฟเทนเมน์ของรถ หวาง เทียนหมิง ประธานกรรมการของฮาวไต ออโตโมทีฟ กล่าวว่า “ระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ใช้สมรรถนะของอินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ ช่วยทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เดิมและล่าสุดได้ รวมทั้งนำเอาซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อทำงานบน MeeGo ซึ่งอิงกับแพลตฟอร์มลีนุกซ์มาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน แนวทางนี้นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอพลิเคชันแล้ว ยังทำให้เราสามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย” เมื่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ทำงานคล้ายคลึงกับพีซีสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น บริษัทสื่อสารจึงพยายามแสวงหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการใช้เครือข่ายได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย เดวิสเปิดเผยว่าอินเทลมีวิสัยทัศน์ด้านการนำระบบประมวลผลและโมเดลคลาวด์ของอุตสาหกรรมไอทีมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมสื่อสาร โดยใช้การทำงานบนระบบเครือข่ายมารวมไว้ภายใต้โครงสร้างเพียงชุดเดียว เขากล่าวว่าบริษัทสื่อสารชั้นนำทั่วโลกต่างยอมรับและนำโครงสร้างของ อินเทลมาใใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานรุ่นต่อไปของตนเอง ตัวอย่างของบริษัทสื่อสารเหล่านี้ประกอบด้วย อัลคาเทล-ลูเซนต์ อีริกสัน หัวเหว่ย และซีทีอี เป็นต้น ดร.ซุย ชุนเฟง ผู้จัดการห้องทดลองไร้สายแผนกสื่อสารไร้สายของสถาบันวิจัย China Mobile Research Institute พูดถึงการที่บริษัทสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกจับมือเป็นพันธมิตรกับอินเทล ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายไร้สายรุ่นต่อไป ซึ่งจะทำให้ไชน่า โมไบล์ ปรับการดำเนินงานไปสู่โมเดลใหม่คือ “ระบบประมวลผลที่ผสมผสานกับระบบคลาวด์” ได้ในที่สุด ดร.ซุย ยังกล่าวต่อว่า “ไชน่า โมไบล์ กำลังวิจัยโครงสร้างของ Radio Access Network รุ่นใหม่อยู่ เพื่อทำให้เครือข่ายบอร์ดแบนด์ไร้สายเป็นเครือข่ายประหยัดพลังงานระดับโลก มีค่าใช้จ่ายลดลง แต่มีสมรรถนะสูง และสามารถจัดสรรทรัพยากรของระบบโครงสร้างพื้นฐานให้แก่การทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันภายในเครือข่ายได้อย่างคล่องตัว เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว เราจึงนำสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีของอินเทลมาใช้ควบคู่ไปกับระบบโครงสร้างพื้นฐานรุ่นต่อไปของเรา เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน ความสามารถในการขยายระบบ และนวัตกรรมซอฟต์แวร์ชั้นเลิศ ระบบบริหารจัดการพลังงานส่วนตัว หลังจากที่เดวิสบรรยายจบ จัสติน แรทเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และผู้อำนวยการบริหารของอินเทล แล็ป ได้อธิบายว่า เทคโนโลยีอัจฉริยะในบ้านและที่ทำงานจะเข้ามาช่วยลดและบริหารจัดการการใช้พลังงานได้ดีขึ้นได้อย่างไร แรทเนอร์กล่าวว่าเป้าหมายของอินเทลก็คือการนำเอาเทคโนโลยีของอินเทลมาสร้างภูมิความรู้เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคและบริษัทขนาดเล็กตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม แรทเนอร์ กล่าวว่า “การสร้างภูมิความรู้แก่ผู้บริโภคถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ผู้ใช้แต่ละคนจำเป็นต้องมีข้อมูล เครื่องมือ และความตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรพลังงานที่กำลังขาดแคลน ลดผลกระทบจากการก่อก๊าซคาร์บอนฯ และควบคุมงบประมาณในการใช้พลังงานของตนเอง ถ้าหากเราทำให้การใช้พลังงานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพและรับทราบข้อมูลในทันที ซึ่งเชื่อมโยงกับทั้งชุมชนแล้ว แนวทางนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ยั่งยืนและช่วยประหยัดพลังงานไปได้อย่างมหาศาล นักวิจัยของอินเทลได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ไร้สายชนิดใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้บริโภครวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานได้ง่ายขึ้นแถมยังเป็ยอุปกรณ์ที่มีราคาประหยัดอีกด้วย ผู้บริโภคเพียงแค่เสียบต่อเซนเซอร์ราคาถูกที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบนี้ร่วมกับระบบสายไฟภายในบ้าน จากนั้นระบบจะสามารถวัดและรายงานปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ในทันที ผู้บริโภคสามารถติดตั้งใช้งานเทคโนโลยีนี้เพื่อวิเคราะห์อัตราการใช้พลังงานของอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วทั้งบ้านได้ นอกจากนั้นแรทเนอร์ยังได้ทำการสาธิตอุปกรณ์รุ่นต้นแบบของอินเทลที่สามารถแสดงผลการใช้พลังงานภายในบ้านควบคู่กับการใช้เซนเซอร์พลังงานไร้สายดังกล่าวให้ชม ระบบจะคอยเฝ้าดูการใช้พลังงาน แนะนำวิธีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม กำหนดเป้าหมายการประหยัดพลังงาน และให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำตามเป้าการประหยัดพลังงานได้อีกด้วย การทำงานควบคู่กันของอุปกรณ์ทั้งสองชนิด (ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบบริหารจัดการพลังงานส่วนตัว) จะช่วยทำให้บ้านเรือนแต่ละหลังในอเมริกาประหยัดค่าไฟได้ 470 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ถ้าหากนำไปใช้ในบ้านเรือน 113 ล้านหลังทั่วอเมริกา ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จะสูงกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือแม้แต่ถ้ามีบ้านเรือนแค่ร้อยละ 1 ในอเมริกาใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ก็จะช่วยลดปริมาณการใช้ถ่านหินได้ 371,000 ตันต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 2.4 ตันเมทริกซ์ตัน หรือเท่ากับการนำรถยนต์ 535,000 คันออกจากท้องถนน แรทเนอร์ยังได้พูดถึงวิธีปรับปรุงระบบบริหารจัดการการใช้พลังงานในรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย เขากล่าวว่าเมื่อจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น โรงงานไฟฟ้าในท้องถิ่นก็จะได้รับผลกระทบมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อรถยนต์เหล่านี้ถูกนำไปชาร์ตไฟในช่วงเวลากลางคืน อินเทล แล็ป กำลังมองหาวิธีการชาร์ตไฟแบบใหม่ เพื่อลดอักตราการใช้ไฟสูงในช่วงกลางคืน โดยหากทำสำเร็จจะไม่จำเป็นต้องขยายโรงงานไฟฟ้า ซึ่งช่วยประหยัดเงินได้อย่างมหาศาล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ