กลุ่มธนชาต ปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ ให้ธนาคารธนชาต ถือหุ้นในบริษัทย่อยแทนบริษัท ทุนธนชาต พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล ทั้งของบริษัททุนธนชาต และธนาคารธนชาต

ข่าวทั่วไป Thursday March 1, 2007 17:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ธ.ธนชาต
กลุ่มธนชาต ประกาศปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่มใหม่ โดยให้ธนาคารธนชาต ถือหุ้นในบริษัทย่อยแทน บริษัท ทุนธนชาต เพื่อให้ธนาคารและบริษัทในเครือสามารถตอบสนองความต้องการด้านการเงินของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และสามารถประสานพลังในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจเชิงรุก พร้อมประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียนในธนาคารธนชาต จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการขยายธุรกิจที่จะมีมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งบริษัท ทุนธนชาต มีเงินทุนเพียงพอในการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในธนาคารทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องมีการเพิ่มทุนของบริษัททุนธนชาตอีกแต่ประการใด นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งธนชาตมีนโยบายและมุ่งมั่นที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้นในการลงทุน โดยจากผลการดำเนินงานในปี 49 ทุนธนชาต จ่ายทั้งปีหุ้นละ 0.80 บาท ธนาคารธนชาต จ่ายหุ้นละ 0.15 บาท
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ทุนธนชาต และคณะกรรมการของธนาคารธนชาต มีมติเห็นชอบในแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทในกลุ่มธนชาตใหม่ โดยให้ บริษัท ทุนธนชาต ถือหุ้นเฉพาะ ในธนาคารธนชาตกับกลุ่มบริษัทบริหารสินทรัพย์ และให้ธนาคารธนชาต เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจการเงินและธุรกิจสนับสนุน จำนวน 8 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด บริษัท ธนชาตประกันชีวิต จำกัด บริษัท ธนชาต กรุ๊ปลีสซิ่ง จำกัด บริษัท ธนชาตโบรกเกอร์ จำกัด บริษัท ธนชาต แมเนจเม้นท์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท ธนชาตกฎหมายและประเมินราคา จำกัด โดยจะยื่นขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ต่อไป
การปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่มธนชาตใหม่ในครั้งนี้ จะทำให้ธนาคารธนชาตกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ธนาคารและบริษัทในเครือสามารถตอบสนองความต้องการด้านการเงินของ ลูกค้าได้อย่างครบวงจร และสามารถประสานพลังในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจเชิงรุก โดยเครือข่ายของธนาคารทุกสาขา และบริการอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะเป็นช่องทางสำคัญที่เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีอยู่ 138 สาขาและภายในสิ้นปี 2550 จะมีสาขาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 170 สาขา ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยสาขาของธนาคารสามารถที่จะให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ลูกค้าได้ทั้งผลิตภัณฑ์เงินฝากซึ่งมีหลากหลายประเภท สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แนะนำเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ซื้อขายหน่วยลงทุน ประกันภัย และประกันชีวิต
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารฯ ยังมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุน จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน เพื่อรองรับการเติบโตที่มีมาอย่างต่อเนื่องและการขยายธุรกิจที่จะมีมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงเป็นการขยายเงินกองทุนรองรับการเติบโตของสินทรัพย์จากการขยายธุรกิจทางด้านสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งปัจจุบันธนาคารฯเป็นผู้นำในธุรกิจนี้
โดยบริษัท ทุนธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ในธนาคารธนชาต ในสัดส่วน 99.36% มีความพร้อมที่จะเข้าไปเพิ่มทุนในธนาคารอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ทุนธนชาต ได้มีมติให้บริษัทฯ ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิที่จะได้รับการจัดสรรเต็มจำนวน ซึ่งบริษัทฯ มีเงินทุนเพียงพอที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องมีการเพิ่มทุนของบริษัท ทุนธนชาต อีกแต่ประการใด
นายศุภเดช กล่าวอีกว่า ธนาคารธนชาตมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและผลกำไรที่ดี มีขนาดสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2549 เท่ากับ 257,436 ล้านบาท เทียบเคียงได้กับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง นอกจากนี้ธนาคารฯได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IAS 39 ) โดยธนาคารฯ นับเป็นธนาคารพาณิชย์รายแรกๆ ที่ได้กันสำรองเต็มตามที่ IAS 39 ได้กำหนดไว้แล้วภายในปี 2549 ซึ่งสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550 อันจะเป็นผลให้การดำเนินงานในปี 2550 ธนาคารฯ ไม่ต้องมีภาระในการตั้งสำรองจากหนี้ด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2549 ตามเกณฑ์ IAS 39 อีก ในขณะที่บริษัท ทุนธนชาต ก็จะดำเนินการตามเกณฑ์ IAS 39 ให้เรียบร้อยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2550 เช่นกัน
นายศุภเดช กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ทุนธนชาต ยังมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนหลัง ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท และเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 0.30 บาทแล้ว รวมเป็นจำนวนเงินปันผลที่จ่ายจากผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท และจะจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ทุนธนชาต ได้ทำการจ่ายต่อเนื่องมาทุกปี ตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งนับเป็นสถาบันการเงินรายแรกๆ ที่สามารถเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ภายหลังจากวิกฤตทางการเงินของประเทศในปี 2540
ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารธนชาต มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 โดยต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป
ทั้งนี้การที่กลุ่มธนชาต สามารถจ่ายเงินปันผลได้ทั้งของบริษัท ทุนธนชาต และธนาคารธนชาต แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน อันเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดี ซึ่งธนชาตมีนโยบายและมุ่งมั่นที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้นในการลงทุน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ