แสนสิริออกหุ้นกู้ 7 ปี มูลค่า 2,000 ลบ.ชงผลดีผู้ถือหุ้น ลด Dilution เพิ่ม ROE ปรับแผนเพิ่มทุนลดเหลือ 500 ล้านหุ้น

ข่าวอสังหา Tuesday May 18, 2010 11:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--แสนสิริ พร้อมโชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก เติบโตก้าวกระโดดเกือบ 3 เท่า กลุ่มบริษัทแสนสิริ สร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน เดินหน้าออกหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 7 ปี มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทให้แก่นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Limited Offering) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.6 %ต่อปี ตลอดอายุหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยกำหนดวันออกหุ้นกู้เป็นวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ และมอบให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการการจำหน่าย พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/53 สวนกระแสภาวะการเมือง สร้างยอดขายรวมได้ถึง 5,200 ล้านบาท มีรายได้รวมกว่า 4,321 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 339 ล้านบาท อัตราการเติบโตด้านกำไร ก้าวกระโดดเกือบ 3 เท่าหรือ 185% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า (วันนี้) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการออกหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 7 ปี จำนวน 2,000,000 หน่วย (สองล้านหน่วย) มูลค่าหุ้นกู้รวม 2,000 ล้านบาท (สองพันล้านบาท) โดยเงินทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทในการขยายธุรกิจ ให้ครบวงจรและครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ทั้งจำนวน สำหรับผลตอบแทนของหุ้นกู้ คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.6% ต่อปีตลอดอายุหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน โดยกำหนดวันออกหุ้นกู้ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2553นี้ “บริษัทฯ ตัดสินใจให้มีการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจที่เติบโตขึ้นจากการที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ในแบรนด์แสนสิริที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับตามแนวทางธุรกิจที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดีการเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวจำนวน 2,000 ล้านบาทในครั้งนี้ ส่งผลให้มีการปรับแผนการเพิ่มทุนของบริษัทฯ จากเดิมที่กำหนดไว้ประมาณ 1,400 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ลดเหลือเพียง 500 ล้านหุ้นเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ลงทุนเนื่องจากจะทำให้ Dilution ลดลง และ ROE (อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในส่วนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ตั้งใจดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 2” นายเศรษฐา กล่าว ขณะที่ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 นี้ สามารถขยายการเติบโตที่ชัดเจนและต่อเนื่อง จากการสร้างยอดขายที่อยู่อาศัยครบวงจร โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 5,200 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรก ที่ตั้งไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังสามารถทำรายได้สูงถึง 4,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 2,950 ล้านบาท รวมทั้งสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดขึ้นถึง 185% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิ 119 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปีนี้ 339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 4 เดือน (สิ้นสุด ณ 30 เมษายน 2553) บริษัทมียอดขายรวม 5,905 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27% ของยอดขายทั้งปี ที่วางเป้าหมายไว้ที่ 22,000 ล้านบาท “ปัจจัยที่สนับสนุนให้กลุ่มบริษัทแสนสิริ ประสบความสำเร็จในด้านการขายโครงการที่อยู่อาศัยตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลจากการขายที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่ เพื่อรองรับการโอนก่อนมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะหมดลง ส่งผลให้มียอดโอนจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับในช่วงต้นไตรมาสที่ 2/2553 นี้ ยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยโดยรวมก็ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าปัจจัยหลาย ๆ ประการทางการเมือง จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อโครงการที่อยู่อาศัยช้าลงไปบ้าง แต่ก็มั่นใจว่าความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม มียอดขายไปแล้วประมาณ 341 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าการขายรวมกว่า 1,415 ล้านบาท โดยที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์และทุกระดับราคายังได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะยอดตอบรับจากแคมเปญการตลาด Flexi Living มอบบริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ที่ได้จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน”นายเศรษฐา กล่าว สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ของกลุ่มบริษัทแสนสิริจะเน้นใช้กลยุทธ์การทำการตลาดภายใต้แนวคิด ‘THE ICONIC LIVING’ ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์การทำการตลาดตลอดปี 2553 ที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในชีวิตเมืองอย่างแท้จริงอีก 1 โครงการ พร้อมเปิดตัวการขายโครงการบ้านเดี่ยว บ้านพร้อมพัฒน์ พรีว่า อย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไตรมาส 2 ประมาณ 4,100 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ