การชุมนุมทางการเมืองกับผลกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน

ข่าวอสังหา Wednesday May 19, 2010 15:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ซีรีบรัม พีอาร์ฯ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจ ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ประเมิน เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหารของรัฐบาล รวมถึงการปักหลักชุมนุมปิดถนนบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ รวมถึงจุดอื่นๆ ตลอดจนการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมและมีการปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาของชาวโลกตกต่ำลง โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน จนหลายๆ ประเทศประกาศห้ามประชาชนเดินทางเข้ามายังประเทศไทย สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวถือว่าเสียหายอย่างหนัก สำหรับธุรกิจการค้าต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เชื่อกันว่าได้รับความเสียหายอย่างหนักและเดือดร้อนกันทั่วหน้าตั้งแต่ลูกจ้างยันเจ้าของธุรกิจ จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องหามาตรการมาเยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นักธุรกิจและประชาชนกลุ่มนี้โดยด่วน พร้อมทั้งเร่งหาทางเจรจาหรือยุติปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนที่ความเสียหายลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาทบทวนและเปรียบเทียบผลกระทบทางการเมืองที่มีต่อภาคธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารในรอบ 15 ปีเมื่อเดือนกันยายน 2549 ครั้งที่ 2 การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลืองและมีการปะทะกันกับกลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งมีการปิดสนามบินเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2551 ครั้งที่ 3 มีการปราบปรามผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว จะเห็นว่าทั้ง 3 เหตุการณ์ทิ้งช่วงเวลาหรือไม่เคยเกิดเหตุในกรณีเดียวกันมานานหลายปี จึงนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจของประชาชนชาวไทยและทั่วโลกอย่างม าก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างรุนแรงทั้ง 3 เหตุการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับการชุมนุมและการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารของรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้ หากพินิจพิเคราะห์หรือทบทวนความคิดและความรู้สึกกันให้ดีๆ เราจะพบว่าความวิตกกังวลอาจเทียบไม่ได้กับ 3 เหตุการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น บางคนหรือบางกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงกลับเห็นเป็นเรื่องน่ารำคาญด้วยซ้ำ รวมถึงปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานได้สะสมให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและประชาชนเริ่มรู้สึกชินชา สามารถยอมรับได้ว่าการเมืองเป็นเรื่องที่ทุกคนจะปฏิเสธไม่ได้ แต่ชีวิตและการทำมาหากินหรือการดำเนินธุรกิจก็ต้องก้าวไปข้างหน้าต่อไป เพราะหากมัวหมกมุ่นหรือคิดกังวลและชะลอการตัดสินใจที่จะลงทุนไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าคลื่นลมทางการเมืองจะสงบเมื่อไร กล่าวง่ายๆ คือ ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและประชาชนก็มีการปรับมุมคิด เรียนรู้จากประสบการณ์และพร้อมรับกับ สภาพการเมืองที่ผันผวนอย่างมีสติมากขึ้น นั่นจึงทำให้ความรู้สึกในแง่ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าเมื่อครั้งเกิดเหตุความวุ่นวายทางการเมืองในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา ผลกระทบจากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองครั้งนี้ แม้ว่าจะมีความรุนแรงและประชาชนสูญเสียชีวิตมากกว่าครั้งก่อนๆ หากแต่ด้วยการบริหารจัดการข่าวสารของรัฐบาล รวมถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ไม่หยิบยกและนำภาพเหตุการณ์ความรุนแรงหรือการเสียชิวิตมาขยายผลต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและประชาชนลดความวิตกกังวลลงได้มาก และสามารถเรียกสติกลับคืนมาในระดับนึง ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมที่จะดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นก็แต่ในส่วนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม แต่เชื่อว่าอีกไม่ช้ารัฐบาลจะคลี่คลายปัญหาได้สำเร็จ และหวังว่าจะไม่เกิดการสูญเสียใดๆ มากไปกว่านี้อีกในฐานะที้เราเป็นคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกัน และมีพ่อเดียวกันคือ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ในส่วนของภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน ฝ่ายวิจัยฯ ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป ให้ความเห็นว่า คงต้องยอมรับความจริงว่าได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะธุรกิจรับสร้างบ้านจะเติบโตได้ต้องอาศัยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและประชาชนเป็นสำคัญ หากเมื่อมีปัจจัยใดๆ มากระทบและก่อให้เกิดความรู้สึกกังวลใจหรือเกิดความไม่เชื่อมั่นเมื่อใด การตัดสินใจซื้อหรือลงทุนเรื่องบ้านจะหยุดชะงักในทันที เพื่อรอดูสถานการณ์จนกว่าจะมีความมั่นใจต่อเหตการณ์ในอนาคต และดูเหมือนว่าปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองดูจะเป็นปัจจัยหลักที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่เป็นระยะๆ มาโดยตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีสำหรับคนทำธุรกิจก็เชื่อว่าท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาสเช่นกัน อย่างไรก็ตามศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ก็มีแนวคิดที่จะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านและนำไปสู่แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมก็คือ การนำศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ขยายไปสู่พื้นที่หรือตลาดใหม่ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถกระทำได้และเชื่อกันว่ายังไม่มีคู่แข่งรายใดที่คิดและกระทำได้มาก่อน แต่ด้วยความที่ต้องเอาชนะปัญหาและอุปสรรคดังที่กล่าว ปัจจุบันพีดีเฮ้าส์จึงไม่เพียงขยายธุรกิจของตัวเองเท่านั้น หากแต่ยังยกระดับภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภค รวมถึงประชาชนทั่วประเทศมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ในฐานะของบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพที่ฝ่าวิกฤติการเมือง ออกไปสู่ตลาดใหม่ทั้งในภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก กลาง และตะวันออกเฉลียงเหนือ วันนี้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาใช้บริการสร้างบ้านได้ทั้ง 17 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า 45 จังหวัด ภายใต้แบรนด์ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ ทั้งนี้เชื่อว่าทุกภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองกันถ้วนหน้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและแนวคิดที่จะหาวิธีหลบเลี่ยง เพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยและก้าวไปข้างหน้าได้แม้ว่าจะมีอุปสรรคมาขวางกั้น โดยเฉพาะการรู้จักเรียนรู้บทเรียนในอดีตและนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่าทุกภาคธุรกิจจะสามารถฝ่าวิกฤติทางการเมืองในครั้งนี้ไปได้โดยการใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่และพลิกวิกฤตการเมืองให้เป็นโอกาสทางธุรกิจดั่งเช่นหลายครั้งที่เคยเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองอย่างในวันนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ