กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่เป็นที่ยอมรับ ตลอดจนรายได้ที่สม่ำเสมอจากบริการด้านสาธารณูปโภค และฐานะทางการเงินที่อยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความผันผวนของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งการขยายธุรกิจสู่ตลาดพัฒนาคอนโดมิเนียม และแผนการลงทุนจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าของบริษัทด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของบริษัทสะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพที่แข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพื่อที่จะสร้างรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากบริการสาธารณูปโภค อีกทั้งโครงการคอนโดมิเนียมก็คาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนให้แก่ลูกค้าได้โดยที่ต้นทุนไม่
บานปลายและจะไม่มีการลงทุนที่ไม่ได้คาดหมายเกิดขึ้นนอกเหนือไปจากการลงทุนเพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมให้แล้วเสร็จและเพื่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม แม้ว่าสัดส่วนโครงสร้างหนี้อาจเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าตามแผนการลงทุนของบริษัท แต่ก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสัดส่วนเงินกู้ต่อโครงสร้างเงินทุนเอาไว้ให้ไม่เกิน 50% ได้ในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยในช่วงแรกได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อเสริมธุรกิจของกลุ่มตระกูลหอรุ่งเรืองซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในบริษัท 14.2% ปัจจุบันบริษัทบริหารนิคมอุตสาหกรรมรวม 6 โครงการซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และสระบุรี พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทประมาณ 10,000 ไร่มีเพียงพอที่จะรองรับการพัฒนาในอนาคตเมื่อพิจารณาจากอัตราการขายที่ดินเฉลี่ยปีละ 500 ไร่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2547 บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมคิดเป็น 76% ของรายได้รวม ในขณะที่อีก 24% ที่เหลือมาจากการให้บริการด้านสาธารณูปโภค รายได้จากบริการด้านสาธารณูปโภคมีความสม่ำเสมอและแน่นอนซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม บริษัทเข้าสู่ตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยด้วยการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ “เดอะ พาร์ค” (The Park) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยสามารถขายห้องชุดได้ 60% จากจำนวนห้องชุดทั้งหมด 219 ห้อง ณ เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งประสบความสำเร็จกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ทั้งนี้ คาดว่าการก่อสร้างโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ความสำเร็จของโครงการและการขายห้องชุดที่เหลือจึงยังต้องติดตามต่อไป--จบ--