กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--ปตท.
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากความกังวลหลายด้าน ทั้งปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงวิกฤตหนี้สาธารณะของประเทศในสหภาพยุโรปที่จะส่งผลลบผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของโลก นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานในสหรัฐฯ ได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีก 25,000 คน สวนทางกับการคาดหมายว่าจะมีจำนวนลดลง ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์และราคาน้ำมันปรับลดลง โดยล่าสุด (20 พ.ค. 53) ที่ตลาดสิงคโปร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 72.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากวันก่อน 0.09 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 83.04 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 อยู่ที่ 81.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ ปตท. สามารถประกาศข่าวดี นำลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด (เว้นE85) ลงให้ผู้บริโภคได้อีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ 50 สตางค์/ลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้ (22 พ.ค. 53) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้
หน่วย: บาท/ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E85 พลัส) 19.92
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E20 พลัส) 29.44
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 31.74
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 30.24
น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์) 35.54
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 27.39
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 28.59
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ราคาน้ำมันยังคงผันผวน โดยทิศทางค่าเงินยูโรและความชัดเจนของแผนการให้ความช่วยเหลือประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ และถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในประเทศจะเริ่มมีราคาลดลง แต่ก็ขอให้ผู้บริโภคยังคงวางแผนการใช้พลังงานอย่างประหยัดอยู่เสมอ เพื่อลดภาระการนำเข้าของประเทศ
และจากสถานการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพมหานครที่ได้เริ่มผ่อนคลาย ขณะนี้ ปตท. ได้เร่งดำเนินการขนส่งน้ำมัน ก๊าซ LPG และก๊าซ NGV ไปยังสถานีบริการในพื้นที่ที่สถานการณ์เอื้ออำนวย โดยได้มีการควบคุมความปลอดภัยและมีการรายงานการขนส่งตลอดเส้นทางอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้สถานีบริการได้เริ่มจำหน่ายน้ำมันได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ที่มีการห้ามรถบรรทุกขนส่งน้ำมันวิ่งทั้ง 13 เขต นั้น ยังอยู่ในระหว่างการประเมินความปลอดภัยจากภาครัฐฯ จึงยังคงทำให้สถานีบริการในพื้นที่ดังกล่าว มีน้ำมันไม่เพียงพอ ซึ่ง ปตท. จะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะเริ่มดำเนินการขนส่งน้ำมันไปยังสถานีบริการในทันทีที่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยของสถานีบริการน้ำมัน และชุมชนในพื้นที่ และหากพบเห็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ สามารถแจ้งมายัง ปตท. ได้ที่ Call Center โทรศัพท์หมายเลข 1365 ตลอด 24 ชม.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.
โทรศัพท์ 0-2537-2164
โทรสาร 0-2537-2171