MOVIE: “WHO ARE YOU? ใคร...ในห้อง”

ข่าวบันเทิง Friday January 15, 2010 17:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม จากเรื่องจริง สู่ความหลอนยิ่งกว่า...บนจอภาพยนตร์ “ฮิคิโคโมริ” อาการแยกตัวออกจากสังคม สร้างโลกส่วนตัวอยู่แต่ในห้องนานเป็นเดือนเป็นปี ปัญหาใกล้ตัว ที่น่าสะพรึงกลัวกว่าที่คิด “คนคุ้นเคย ที่ไม่รู้จัก” จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไป...ตลอดกาล ห้อง...ที่ไม่เคยถูกเปิดออก ห้อง...ที่ไม่บ่งบอกความเคลื่อนไหวภายใน ห้อง...ที่เจ้าของไม่เต็มใจให้ใครเหยียบย่าง แต่...เมื่อใครบางคนกล้าล้ำเส้นเป็นเส้นตาย ความหายนะสุดสยองจึงบังเกิด… “WHO ARE YOU? ใคร...ในห้อง” การกลับมาเปล่งรัศมีของนักแสดงตัวแม่ฝีมือจัดจ้าน “สินจัย เปล่งพานิช” ในผลงานระทึกขวัญเรื่องล่าสุดของผู้กำกับแหวกแนว“ภาคภูมิ วงษ์จินดา” กำหนดฉาย 25 กุมภาพันธ์ 2553 แนวภาพยนตร์ หลอน-ระทึกขวัญ บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทดำเนินงานสร้าง บาแรมยู อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์, บัณฑิต ทองดี ดำเนินงานสร้าง ศิตา วอสเบียน กำกับภาพยนตร์ ภาคภูมิ วงษ์จินดา เรื่อง ปรัชญา ปิ่นแก้ว บทภาพยนตร์ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, ภาคภูมิ วงษ์จินดา กำกับภาพ ทิวา เมยไธสง ออกแบบงานสร้าง รัชต พันธุ์พยัคฆ์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย พราวเพลิน ตั้งมิตรเจริญ ลำดับภาพ ทวีลาภ เอกธรรมกิจ ฟิล์มแล็บ บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด บันทึกเสียง ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา ทีมนักแสดง สินจัย เปล่งพานิช, กัญญา รัตนเพชร์, ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์, โขมพัสตร์ อรรถยา, พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล, ฉัตรโสรฬ ธนูทิพยกุล เปิดปมหลอน “นิดา” (สินจัย เปล่งพานิช) แม่ค้าขายแผ่นหนังโป๊ อาศัยอยู่กับ “ต้น” ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอที่เป็นเหมือน “คนคุ้นเคยที่เธอไม่รู้จัก” เพราะต้นมีอาการ “ฮิคิโคโมริ” แยกตัวออกจากสังคมและขังตัวเองอยู่แต่ในห้องมานานถึง 5 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะความรักและตามใจลูกมากจนเกินไป ทำให้นิดาไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่าม และแทบไม่เคยรับรู้ความเป็นไปภายในห้องปิดตายนั้นเลย มีเพียงแผ่นกระดาษที่ใช้สื่อสารกันผ่านช่องใต้ประตูเท่านั้นที่ทำให้นิดาแน่ใจว่าลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อ “ใครบางคน” พยายามที่จะอยากรู้อยากเห็นบางสิ่งที่อยู่หลัง “ประตูบานนั้น” จนเกินพอดี นั่นจึงทำให้เกิดเรื่องราวที่คาดไม่ถึงตามมากับใครอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “โดม” (สตาร์บัคส์-พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล) ครีเอทีฟรายการทีวี, “ป่าน” (ตาล-กัญญา รัตนเพชร์) หญิงสาวขี้โรคบ้านฝั่งตรงข้าม, “โอ๊ต” (นีโน่-ฉัตรโสรฬ ธนูทิพยกุล) มอเตอร์ไซค์รับจ้างหัวขโมย, “วิรัช” (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) พ่อของต้น หรือแม้กระทั่งตัวนิดาเอง เมื่อความหลอนระทึกกำลังเฉียดกรายเข้าใกล้ตัวนิดามากขึ้นทุกขณะ เธอจึงต้องคลี่คลายและขุดคุ้ยความจริงทุกอย่างให้ปรากฏด้วยตัวของเธอเอง แม้จะต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายที่สุดในชีวิตก็ตาม บางสิ่งบางอย่างอันน่าสะพรึงกลัวกำลังคืบคลานออกมา ความลับสุดสยองของห้องปิดตายนั้น...คืออะไรกันแน่!!! เบื้องหลัง “ใคร...ในห้อง” ภาพยนตร์หลอนระทึกเรื่อง “Who Are You? ใคร...ในห้อง” นี้ สร้างมาจากเรื่องจริงที่โปรดิวเซอร์ของเรื่องอย่าง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ได้ผ่านประสบการณ์พานพบกับแม่ค้าที่มีลูกชายกักขังตัวเองอยู่ในห้องนานหลายปี จึงจุดประกายให้เขาอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวความเป็นไป จนกระทั่งอยากสร้างภาพยนตร์ที่มีตัวละครลักษณะนี้เป็นตัวเดินเรื่อง ทำไมต้องขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง, เขาใช้ชีวิตอยู่ยังไง, ผ่านไปนานหลายปีเด็กที่อยู่ในห้องมันจะยังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่า, ใครกันแน่ที่อยู่ในห้องนั้น เหล่านี้คือตัวอย่างไอเดียเด็ดๆ ที่ส่งไม้ผลัดต่อให้ผู้กำกับจอมแหวกแนวอย่าง “เพื่อน-ภาคภูมิ วงษ์จินดา” (ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า, รับน้องสยองขวัญ, วิดีโอคลิป) ที่มักจะนำเรื่องราวแปลกล้ำมานำเสนออยู่เสมอ “สำหรับจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเป็นหนัง Who Are You? ใคร...ในห้อง เรื่องนี้นะครับ มันมาจากเรื่องเล่าของโปรดิวเซอร์ของผมคือ พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว ได้มาคุยกันว่าจากประสบการณ์ชีวิตของพี่ปรัชที่ได้ไปพบกับแม่ค้าคนหนึ่งที่เขามีลูกเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกจากห้องมา 5 ปี ซึ่งพี่ปรัชเขารู้สึกว่าไอ้ประเด็นตรงนี้มันน่าสนใจ เพราะว่าใครก็ต้องมีความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่า ไอ้เด็กที่มันเก็บตัวอยู่ในห้องมา 4-5 ปีโดยที่ไม่ออกไปไหนเลยเนี่ย มันจะเป็นยังไงบ้าง อย่างรูปร่างหน้าตา เนี่ยยังเป็นแบบเดิมอยู่หรือเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง เขาจะทำอะไรบ้างเวลาอยู่ในห้องอะไรอย่างนี้ จากจุดเริ่มต้นตรงนี้ มันก็เลยเกิดแนวความคิดว่า ถ้าเรานำเรื่องราวแบบนี้มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ได้ มันก็น่าสนใจดี...” ด้วยความเป็นแฟนการ์ตูนสยองหักมุมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้กำกับภาคภูมิจึงให้ผู้เขียนบทมือฉมัง “เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์” (13 เกมสยอง, บอดี้ ศพ#19) ต่อยอดไอเดียหลักที่ได้มาแล้วให้ออกมาเป็นบทภาพยนตร์หลอนระทึกชั้นดี “...แล้วประกอบกับผมก็ได้ผู้เขียนบทอย่าง คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ซึ่งเคยเขียนเรื่อง 13 เกมสยอง, บอดี้ ศพ#19 มาเขียนบทให้ด้วย คือเราก็อยากหาคนเขียนบทที่มีไอเดียที่แปลกล้ำ ก็เลยนึกถึงคุณเอกสิทธิ์ เพราะว่าส่วนตัวเป็นคนชอบงานเขียนของเขาอยู่แล้วก็เลยลองทาบทามดูว่าสนใจมั้ยที่จะมาเขียนบทเรื่องนี้ ซึ่งเอกสิทธิ์ก็สนใจ พอเราเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้ฟัง เขาก็ไปทำการบ้านอะไรเยอะแยะ ซึ่งเราเห็นเลยว่า เขาเป็นคนที่มีจินตนาการล้ำคนหนึ่งของวงการเลยนะครับ จากนั้นก็ผ่านการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับอาการ ฮิคิโคโมริ ที่เอกสิทธิ์ได้เสนอแนะไว้ รวมถึงผ่านการพูดคุยระดมไอเดียกันจนนำมามิกซ์รวมกันกลายเป็นเรื่องนี้ครับ เท่าที่เห็นก็ยังไม่มีใครเคยหยิบเรื่องฮิคิโคโมริมาพูดในหนังไทยนะ แม้กระทั่งหนังฝรั่งก็ไม่ค่อยเห็น มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะใหม่นะครับ และก็ยังไม่มีใครหยิบประเด็นนี้มาพูดเท่าที่รีเสิร์ชดูนะครับ ก็หาข้อมูล คืออยากจะได้ข้อมูลว่ามันมีหนังเรื่องไหนบ้างมั้ยที่พูดถึงฮิคิโคโมริ แต่มันก็ไม่มี ส่วนใหญ่มันก็จะเป็นลักษณะสารคดีเสียมากกว่า ผมว่านี่เป็นครั้งแรกสำหรับหนังไทยเลยนะครับ” ทางด้านผู้เขียนบทมือฉมัง “เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์” ได้เปิดเผยถึงงานเขียนบทหลอนระทึกครั้งล่าสุดของเขานี้ว่า “คือผมเป็นคนชอบเขียนบทที่มีคนน้อยๆ จำกัดจำนวนคนเอาไว้ เพื่อที่จะดึงความน่าสะพรึงกลัว ความเป็นคนออกมาได้มากกว่าการที่มีคนเยอะๆ ก็เลยใส่ตัวละครเข้าไปไม่กี่ตัวครับ แล้วบทแรกก็เสร็จออกมาใช้เวลารวดเดียว มันพรั่งพรูออกมาทันทีเลยฮะ ก็เอามาคุยกัน เพียงแต่ว่าทางทีมงานหลายๆ คนแล้วก็รู้สึกว่ามันยังมีจุดโหว่ในหลายๆ ส่วน ก็เลยมีการแก้ไขแล้วก็เกิดบทเวอร์ชั่นที่สองที่สามตามมา ซึ่งเป็นบทที่ได้เห็นนี่ล่ะครับ เป็นบทที่ค่อนข้างลงตัวซึ่งผมเองก็ชอบครับ แต่ในการทำงานจริงเนี่ยก็มีการคุยกับพี่เพื่อนเหมือนกัน ก็คือเปิดกว้างให้พี่เพื่อนใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้ด้วย อาจจะแก้ไขในส่วนที่พี่เพื่อนคิดว่าเหมาะสม ที่เค้ารู้สึกว่าเข้าใจกับมัน จริงๆ เรื่องนี้มันแทบจะใช้คำว่า Based on True Story ได้เลยนะ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น สิ่งที่พี่ปรัชไปเจอมา เพียงแต่ว่ามันไม่มีบทสรุป สิ่งที่เราใส่เข้าไปคือบทสรุป แล้วก็เติมแต่งสร้างสีสันของเรื่องและคาแร็คเตอร์เพิ่มเข้าไปนะครับ ประเด็นหลักของมันคือว่าเราจะพูดถึงเรื่องอย่างชื่อเรื่องที่บอกว่า ฮู อาร์ ยู คือเราจะพูดว่า จริงๆ แล้วคุณคือใครกันแน่นะครับ มันเป็นคำถามที่เหมือนกับถามตัวเราเองด้วยว่าเราน่ะเป็นใคร แล้วคนรอบๆ ข้างเราเป็นใคร เรารู้จักเค้าดีแค่ไหน คนที่เราว่า เป็นเพื่อนเรา เป็นพ่อแม่พี่น้องเป็นคนที่เรารู้จักเนี่ย ยิ้มพูดคุยกันเนี่ย ถ้าวันหนึ่งเค้ามีด้านที่เราก็ไม่เคยเห็น มันทะลักออกมาเนี่ยมันก็น่ากลัวมาก แล้วก็อีกประเด็นหนึ่งที่จับต้องได้ก็คือเรื่องของ ฮิคิโคโมริ ก็คือว่ามันเป็นเรื่องของทางสังคมญี่ปุ่นเค้านะครับ ซึ่งในทฤษฎีเค้าเชื่อว่ามันจะไม่เกิดกับประเทศอื่น มันจะเกิดกับญี่ปุ่นอย่างเดียว เพราะมันเป็นเรื่องสภาวะทางสังคม ที่ทางสังคมเค้ากดดันสูง ก็ใช้วิธีที่จะไม่สู้ หนีเข้าห้อง ปิดห้องหนีไปเลย แล้วก็ทุกวันนี้มันเป็นการตัดขาดจากโลกภายนอกได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามันมีคอมพิวเตอร์อยู่ในห้อง แล้วเค้าอยากจะทำอะไรก็เซิร์ชหาเอาได้ แล้วก็คำถามหลายๆ คำถามที่ทุกคนจะถามคือว่าแล้วเด็กคนนี้ไม่ออกมาเลยหรอ คือเค้าออกมาฮะ แต่จะออกมาตอนที่คนไม่อยู่บ้าน ออกมาเข้าห้องน้ำ ออกมากินข้าว มากินอะไร แต่ก็อาศัยอยู่ในบ้านแค่นั้น แล้วก็กลับเข้าห้องไปตอนที่ทุกคนกลับเข้าบ้านแล้วนะครับ แต่ว่าที่น่าตกใจในทฤษฎีที่เค้าบอกว่ามีแค่ญี่ปุ่นน่ะ คือมันมีในเมืองไทยจากคำบอกเล่าของพี่ปรัชซึ่งมันมีจริง ก็ขังตัวเองไว้ในห้องจริงๆ แล้วที่คุยกันแล้วทั้งพี่เพื่อน พี่ปรัช และก็ผมเนี่ยสนใจเพราะว่าสภาวะนี้เนี่ย มันอาจจะเกิดขึ้นในเมืองไทยจริงๆ ก็ได้ เพราะว่าทุกวันนี้ทุกอย่างมันเอื้ออำนวยไปทางนั้นเหมือนกัน เรื่องของอินเตอร์เน็ต เรื่องของเด็กติดเกม เรื่องของเด็กที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนด้วยกัน แต่ไปมีปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์กับเกม ก็เป็นปัญหาสังคมที่น่าจะได้รับความสนใจมากกว่านี้ ก็เลยมองว่าอยากจะถ่ายทอดอะไรแบบนี้ด้วยเพราะว่าพ่อแม่ที่มีลูกลักษณะนี้ก็น่าจะลองศึกษาไว้ก็ดีเหมือนกันครับ” ตัวเลือกเดียวของผู้กำกับอยู่ที่นักแสดงตัวแม่ของวงการอย่าง “สินจัย เปล่งพานิช” กับบทนำหลอนลึกในเรื่อง พูดได้เต็มปากว่า ถ้านก สินจัยปฏิเสธไม่รับเล่น โปรเจ็คต์หนังเรื่อง “Who Are You? ใคร...ในห้อง” ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างได้เลย “แน่นอน ที่ต้องพูดถึงคนแรกเลยก็คือคนที่มารับเป็น นิดา แม่ค้าขายแผ่นหนังโป๊ ผมไม่มองใครเลยนอกจาก นก สินจัย เปล่งพานิช คนนี้มาแต่แรกเป็นเบอร์หนึ่งในใจเลยว่าต้องคนนี้แหละ ต้องทำให้เขาเล่นให้ได้ ไม่รู้ยังไงก็ต้องไปคุยกับเขาให้ได้ ก็เลยไม่มีตัวเลือกอื่นเลย ซึ่งโอเคเราเอาบทไปให้พี่นกเขาอ่าน แล้วก็ต้องผ่านการพูดคุยกันอีกที ซึ่งกว่าเขาจะเล่นหนังแต่ละเรื่องเนี่ย นอกจากจะต้องเลือกบทเป็นปกติอยูแล้ว พี่นกก็ต้องการความชัดเจนว่าหนังพูดถึงอะไร หนังให้อะไรบ้าง และที่สำคัญคือแปลกใหม่ตรงไหน คือถ้าเกิดพี่นก สินจัย จะเล่นหนังซักเรื่องเขาคงอยากเล่นบทที่ท้าทายไม่เคยลองอยู่แล้วล่ะ ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยกันในตอนหลัง พี่นกเขาก็บอกว่า บทมันท้าทาย บทที่แบบเป็นแม่ค้าบ้านๆ เขาก็ไม่เคยเล่น มีลูกเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่หนังจะสื่อออกมาด้วย หนังออกแนวลึกลับระทึกขวัญ เออ...มันน่าสนใจ แล้วเขาก็โอเค ยอมรับ และที่สำคัญคือความเป็นนก สินจัยที่ต้องยอมรับเลยว่า เป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าฝีมือเยี่ยม เป็นอันดับต้นๆ ที่เล่นบทไหนก็สุดฝีมือ และบทนี้มันเป็นบทที่ต้องใช้อารมณ์เยอะด้วยนะครับ มันมีหลากหลายคาแร็คเตอร์หลายอารมณ์ความรู้สึกที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเยอะ ซึ่งหาคนที่จะมาเล่นบทแบบนี้ได้ยากเหมือนกันนะครับ จากที่เราเคยเห็นพี่นก สินจัยในบทดราม่าบทชีวิตหนักๆ จนชินตา แต่มาในเรื่องนี้เขาจะเปลี่ยนเป็นแม่ค้าที่ดูเหมือนกับร่าเริงแจ่มใสชอบเล่นมุข หยอดมุขตลกกับลูกค้าตลอดเวลา เป็นแม่ค้าปากไว จู้จี้ขี้บ่น อารมณ์ร้ายอารมณ์เสีย ปากจัด มีคำพูดแบบด่าทอได้ง่ายๆ ช่างแต่งเนื้อแต่งตัว มีเสื้อผ้าหน้าผมที่ฉูดฉาดขึ้นอะไรอย่างนี้ รวมถึงอารมณ์ด้านลึกที่ต้องอาศัยความสามารถทางการแสดงของพี่นกเป็นหลักด้วยครับ” นอกจากจะได้นักแสดงนำตัวแม่อันสุดโดดเด่นแล้ว ผู้กำกับและทีมงานก็ยังได้คัดเลือกทีมนักแสดงชั้นดี เพื่อเข้ามาสร้างสีสันและเติมเต็มความสนุกหลอนระทึกให้กับเรื่องนี้ด้วย “นักแสดงคนอื่นๆ ก็ยังมีอีกหลายคนเลยครับ อย่าง น้องตาล (กัญญา รัตนเพชร์) ที่เคยร่วมงานกันมาจาก ‘รับน้องสยองขวัญ’ ในเรื่องนี้เค้าก็จะรับบทเป็น ป่าน เด็กสาวที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างรุนแรง ต้องเก็บตัวรักษาอยู่แต่ในห้อง คือไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เลย ซึ่งวันๆ หนึ่งเขาก็ได้แต่นั่งมองไปที่หน้าต่างทุกวัน อยากออกไปแต่ออกไม่ได้ แล้วก็มองบ้านฝั่งตรงข้ามคือลูกพี่นกในเรื่องที่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องเพราะเป็นฮิคิโคโมรินั่นแหละ มองจนรู้สึกว่าเอ๊ะ...ไอ้เด็กที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามมันก็เก็บตัวเหมือนกันนะ เออ...อยากคุยกับเขานะ แต่เป็นการคุยผ่านทางสายตา ผ่านทางความรู้สึกนะครับ ซึ่งก็จะเป็นเหมือนตัวแทนคนดูที่ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันว่า ลูกพี่นกที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเนี่ยจะมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง นี่ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ตาลเขาเล่นได้ดี เราอาจจะเห็นตาลในบทใสๆ ใน ‘รักแห่งสยาม’ กุ๊กกิ๊กน่ารัก แต่พอมาเรื่องนี้เขาเล่นเป็นเด็กเก็บกดอะไรหลายๆ อย่างจนทำให้เขารู้สึกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ตามมาด้วย สตาร์บัค (พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล-สาระแนห้าวเป้ง) นะครับ ในเรื่องมันจะมีตัวละครตัวหนึ่งชื่อ โดม ซึ่งจะเป็นเหมือนตัวแทนของคนที่อยากรู้อยากเห็นว่าไอ้ห้องๆ นี้ ลูกของนิดาเนี่ยคือใคร เป็นยังไง อยากรู้อยากเห็น อยากเอาเด็กคนนี้ออกมาจากห้องให้ได้ โดยที่ในเรื่องนี้โดมจะเป็นครีเอทีฟรายการทีวี แล้วเขาก็มีความรู้สึกว่า เออ...เรื่องนี้น่าสนใจ น่าจะเอามาออกรายการทีวี เขาก็เลยหาวิธีที่จะทำให้เด็กคนนี้ออกมาจากห้องให้ได้ ซึ่งตัวละครที่รับบทนี้เนี่ยต้องเป็นผู้ชายที่ลุคดูเป็นเหมือนครีเอทีฟ ซึ่งก็มองสตาร์บัคส์อยู่แล้ว เพราะแกก็เป็นครีเอทีฟรายการ ด้วยความรู้สึกว่าอยากได้คนที่เขาไม่เครียด เขาเป็นคนที่มีมุขตลก มีอะไรตลอดเวลา เวลาพูดมันจะมีมุขสอดแทรกตลอด เป็นคนที่การแสดงดูเป็นธรรมชาติ เราก็มองว่าสตาร์บัคส์นี่แหละที่เหมาะกับทนี้ ส่วน พี่บี๋ ธีรพงศ์ ในเรื่องเนี่ย เล่นเป็นสามีของพี่นก สินจัย คือคาแร็คเตอร์นี้ต้องดูแมนๆ แล้วก็มีเสน่ห์ มีความเจ้าชู้ ที่สำคัญในขณะเดียวกันคือดูรักลูก ห่วงใยลูกนะครับ ซึ่งในกลุ่มนักแสดงรุ่นอายุประมาณ 40 กลางๆ เนี่ยจริงๆ ก็มีตัวเลือกเยอะเหมือนกัน แต่พี่บี๋เนี่ยนอกจากคาแร็คเตอร์จะตรงแล้ว อีกมุมหนี่งเขาก็เป็นนักแสดงฝีมือดีคนหนึ่ง ซึ่งตรงนี้พอได้คุยกันแล้ว เราก็รู้สึกว่าเออ...พี่บี๋เนี่ยตรงคาแร็คเตอร์มากอย่างแบบว่าคาดไม่ถึงเลย เหมือนบทถูกเขียนขึ้นมาให้เขาแสดงเลย ซึ่งพี่บี๋เวลาเล่นเนี่ย ผมว่าแกเป็นคนร้ายลึกนะ เล่นบทร้ายลึกโดยไม่ต้องพูดเยอะ แต่เป็นคนจริง แค่มองปราดเดียวความรู้สึกก็ผ่านทางสายตาได้แล้ว การแสดงออกของเขามันเข้มข้นจนน่าเชื่อถือ คือเราต้องการคนที่เล่นอะไรด้วยสายตา ต้องการคนที่เล่นด้วยความนิ่ง นิ่งสยบเคลื่อนไหว พูดง่ายๆ คือต้องการคนที่เวลาอยู่นิ่งๆ แล้วมันดูมีมีพลังอะไรอย่างนี้ครับ ซึ่งการแสดงของพี่บี๋ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ” สุดท้าย เมื่อเรื่องราวชั้นดีผนึกกำลังด้วยทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลังชั้นยอด ผลลัพธ์ที่ได้จึงกลายมาเป็น “Who Are You? ใคร...ในห้อง” ภาพยนตร์สั่นระทึกทุกองศา ที่จะนำพาคุณทะลุปมหลอนของ “ประตูบานนั้น” “เรื่องนี้มันพูดถึงการรู้หน้าไม่รู้ใจนะครับ บางทีคนๆ นี้ หรือแม้กระทั่งบ้านเดี๋ยวนี้คนที่อยู่บ้านใกล้กันบ้านติดกันยังไม่รู้เลยว่า ในบ้านนั้นมีอะไร เขาเป็นยังไง ไอ้ความที่มันเป็นสังคมเมืองเนี่ยมันทำให้รู้สึกว่าเราไว้ใจใครไม่ค่อยได้ เราจะรู้มั้ยว่าคนที่เรารู้จักจริงๆ แล้วเบื้องหลังเขาคืออะไร แม้กระทั่งตัวเราเองเรายังไม่รู้จักตัวเราเองเลยว่า ก่อนหน้านี้เราเป็นยังไง บางทีเรารู้สึกว่าเราใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้ แต่จริงๆ แล้ว เราอาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้ คือสังคมเมืองทุกวันนี้เราไม่รู้หรอกว่าคนนี้มาดีมาร้าย คนนี้หรือคนนั้นเป็นยังไง แม้กระทั่งคนในครอบครัวหรือตัวเองคุณเองยังเชื่อตัวเองไม่ได้เลยว่า สิ่งที่คุณทำไปมันเป็นความต้องการของคุณเองจริงๆ หรือเปล่า ก็คาดหวังว่า มันน่าจะเป็นหนังที่ทำให้คนดูสนุกกับมันและได้ข้อคิด ที่สำคัญเลยคือ มันได้สะท้อนสังคม สะท้อนวิถีของคนปัจจุบันที่มีปัญหาครอบครัว ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เกิดจากลูกติดยา พ่อไปมีเมียน้อย มันมีปัญหาอะไรอีกเยอะแยะที่แบบเหนือความคาดหมายของเรา ซึ่งหนังก็ได้สะท้อนเรื่องนี้ออกมา ก็คาดหวังว่า มันจะเป็นตัวกระตุ้นให้เรารู้สึกว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตยังไง เรารู้จักตัวเองกันมั้ย แล้วเราควรจะดำเนินชีวิตแบบไหนอะไรอย่างนี้ครับ อย่างเรื่องปัญหาเรื่องลูกขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง มันเหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่จริงๆ มันใหญ่มาก บางทีการที่ครอบครัวมีการทะเลาะเบาะแว้งของพ่อแม่มันอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ได้บอกแง่มุมอะไรเหล่านี้เอาไว้เยอะเหมือนกัน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือความสนุก เพราะว่าคนดูหนังอยากเห็นความสนุก อยากเข้าไปแล้วรู้สึกตื่นเต้นกับมัน อยากได้ลุ้นกับมัน หนังเรื่องนี้ให้เต็มที่เลยครับ” ห้องปิดตาย...ใครเปิดตาย “นิดา” (สินจัย เปล่งพานิช) - หญิงวัยกลางคนผู้ประกอบอาชีพขายแผ่นหนังโป๊ เป็นแม่ค้าที่ดูเป็นมิตรกับทุกคน ชอบแต่งหน้าแต่งตัวอย่างฉูดฉาด เพื่อสร้างสีสันให้กับชีวิต เธอใช้ชีวิตอยู่กับ “ต้น” ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอที่มีอาการ “ฮิคิโคโมริ” ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนานถึง 5 ปี จนกระทั่งเมื่อเหตุการณ์สุดสยองบางอย่างเกิดขึ้น นั่นทำให้เธอตัดสินใจยอมทำทุกวิถีทางให้ลูกออกมาเผชิญกับโลกแห่งความจริง แม้ผลลัพธ์ที่ตามมาจะกลายเป็นฝันร้ายที่คาดไม่ถึงก็ตาม “ในเรื่องนี้ก็รับบทเป็น ‘นิดา’ เป็นแม่ที่จะค่อนข้างเกรี้ยวกราด ใช้อารมณ์ตลอดเวลาจนมีปัญหาในครอบครัว สามีก็เจ้าชู้ ส่วนลูกก็เก็บตัวสร้างโลกของตัวเองอยู่แต่ในห้อง 5 ปี ไม่ยอมออกมาจากห้องค่ะ ตัวนิดาก็จะเป็นแม่ค้าขายวีซีดีโป๊อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เหมือนจับอาชีพใหม่ เป็นอีกคาแร็คเตอร์หนึ่งที่จัดจ้าน ฉูดฉาด ก็สนุกดีค่ะ เรื่องนี้มันพูดถึงปัญหาครอบครัวด้วยประเด็นหนึ่ง ซึ่งเรื่องบางเรื่องมันก็สามารถทำให้เกิดเรื่องราวที่บานปลายได้ ขณะเดียวกันก็มีเรื่องของความไม่รู้ ความไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ การที่ลูกขังตัวเองมา 5 ปีเนี่ย มันเพราะอะไร แล้วจริงๆ ตลอด 5 ปีเนี่ยเขายังอยู่ในนั้นเหรอ แล้วจริงๆ มันใช่เค้าจริงๆ หรือเปล่า ตรงนี้มันเป็นเรื่องที่น่าติดตามไปพร้อมๆ กับตัวละครว่าเบื้องหลังประตูบานนี้มันคืออะไรกันแน่ ก็คงลุ้นเหมือนคนดูค่ะ เพราะไม่เคยเล่นหนังแนวนี้เลย ก็ยังไม่รู้ว่าออกมาแล้วจะเป็นอย่างที่เราคิดมั้ย คนดูจะชอบมั้ย ภาพรวมมันจะออกมาเป็นยังไง ก็ต้องลุ้นไปด้วยกันค่ะ” ด้วยการบ่มเพาะประสบการณ์เกือบ 30 ปีบนจอภาพยนตร์ ทำให้ “สินจัย เปล่งพานิช” ได้รับการยกย่องอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า เธอคือ “นักแสดงตัวแม่” ของแท้และแน่นอน ไม่ว่าจะแสดงในบทบาทใด เธอตีบทแตกสะเทือนจอทุกครั้งไป จึงไม่แปลกใจเลยว่า ผู้กำกับ “ภาคภูมิ วงษ์จินดา” จะไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจากเธอคนนี้เพียงคนเดียว หลังจากกวาดรางวัลและคำชื่นชมไปอย่างล้นหลามจากเรื่อง “รักแห่งสยาม” เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา ล่าสุด “สินจัย เปล่งพานิช” ก็พร้อมกลับมาเปล่งรัศมีนักแสดงชั้นครูของวงการให้ได้ประจักษ์ทุกสายตาอีกครั้งในภาพยนตร์แนวหลอนระทึกชั้นดีที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน...ร่วมลุ้นระทึกไปกับเธอได้เลย ผลงานภาพยนตร์ (บางส่วน): สายสวาทยังไม่สิ้น (2525), เพลิงพิศวาส (2527), นวลฉวี (2527), หย่าเพราะมีชู้ (2528), น้ำเซาะทราย (2529), ช่างมันฉันไม่แคร์ (2529), ฉันผู้ชายนะยะ (2530), พลอยทะเล (2530), ฉันรักผัวเขา (2530), อย่าบอกว่าเธอบาป (2530), ครั้งเดียวก็เกินพอ (2531), ซอสามสาย (2531), อุบัติโหด (2531), เฮโรอีน (2537), มหัศจรรย์แห่งรัก (2538), อันดากับฟ้าใส (2540), สุริโยไท (2544), รักแห่งสยาม (2550), Who Are You? ใคร...ในห้อง (2553) “ป่าน” (ตาล-กัญญา รัตนเพชร์) - สาวน้อยบ้านตรงข้ามผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง จึงต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนโดยรับรู้โลกภายนอกได้แค่เพียงมองผ่านหน้าต่างห้อง แต่แล้ววันหนึ่งโลกอันถูกจำกัดของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเธอสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวอันผิดปกติในห้องของต้น...เพื่อนในวัยเด็กของเธอ นั่นทำให้เธอตัดสินใจที่จะก้าวเท้าออกไปสู่โลกใบใหม่เพื่อพิสูจน์ความจริงในบ้านฝั่งตรงข้าม “เรื่องนี้ตาลรับบทเป็น ‘ป่าน’ ค่ะ ก็จะเป็นคนขี้โรค เป็นโรคภูมิแพ้อย่างหนัก ซึ่งจะต้องอยู่แต่ในห้องไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เลยเพราะจะเสี่ยงต่อการติดโรคอื่นๆ ก็เลยต้องอยู่แต่บ้านอย่างเดียว เราเองก็อยากออกไปข้างนอกมาก ก็ได้แต่เฝ้ามองความเป็นไปข้างนอกผ่านทางหน้าต่างห้องอย่างเดียว แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่งมันก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ป่านต้องเข้าไปเจอเรื่องคาดไม่ถึงในบ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นบ้านของพี่นกค่ะ เรื่องนี้ก็ถือเป็นการเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ไปเลยค่ะทั้งลุคภายนอกและก็เรื่องการแสดง แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านๆ มาค่อนข้างมาก แล้วก็เป็นบทที่ตาลอยากได้มาตั้งนานแล้ว คือในเรื่องนี้เนี่ย ตัวป่านจะชอบอะไรที่เกี่ยวกับพวกชุดคอสเพลย์ค่ะ เป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบอ่านการ์ตูนแล้วก็ชอบจินตนาการไปต่างๆ นานา ชอบแต่งตัวเหมือนการ์ตูนอะไรอย่างนี้ค่ะ เหมือนเขาอยู่ในห้องเปล่าๆ เนี่ย เขาก็จะมีจินตนาการของเขาตลอดเวลา แล้วก็ต้องหาทางระบายออกมาอะไรอย่างนี้ ก็สนุกดีค่ะ ได้มาใส่ชุดคอสเพลย์เป็นครั้งแรก พี่ๆ ในกองก็ชมกันว่าน่ารักดีค่ะ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องการแสดงก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบเลยค่ะ เรื่องนี้มันยาก เพราะว่าบทมันจะป่วยโทรมสุดๆ ดูเก็บกด มันต้องคิดตลอดเวลาแบบเราต้องคิดเองอะไรอย่างงี้ มันก็เลยค่อนข้างยากค่ะ อย่างฉากที่อยู่ในบ้านเนี่ย ตาลต้องเล่นคนเดียวหมด เพราะฉะนั้นตาลต้องจินตนาการเองทุกอย่างว่าเห็นจริงๆ นะ ต้องแบบทำให้ทุกคนเชื่อว่าตาลเห็นอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันก็ค่อนข้างยากเหมือนกันค่ะ แต่ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะคนดูจะได้เห็นตาลในอีกภาพหนึ่งที่ไม่ซ้ำเรื่องอื่นๆ ค่ะ” เป็นหนึ่งนักแสดงวัยรุ่นหญิงที่ฝากฝีมือการแสดงไว้ในภาพยนตร์หลากหลายแนว และสามารถแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยม “รักแห่งสยาม” เมื่อกว่าสองปีที่ผ่านมา “ตาล กัญญา รัตนเพชร์” กลับมาขึ้นจอใหญ่อีกครั้งในภาพยนตร์หลอนระทึกเรื่องนี้ ด้วยการพลิกคาแร็คเตอร์อย่างสุดโต่งกับบทบาทสุดเข้มข้น และที่สำคัญ เธอเปลี่ยนลุคภายนอกด้วยการแต่งชุดคอสเพลย์ได้อย่างน่ารักน่าชังถูกใจใครหลายคนจนต้องเอาใจช่วยและคอยลุ้นไปกับเธอทุกขณะ ผลงานภาพยนตร์: เอ๋อเหรอ (2548), รับน้องสยองขวัญ (2548), มอ ๘ (2549), สวยลากไส้ (2550), รักแห่งสยาม (2550), ฝัน หวาน อาย จูบ (2551), ปาย อิน เลิฟ (2552), Who Are You? ใคร...ในห้อง (2553) “โดม” (สตาร์บัค-พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล) - ครีเอทีฟรายการทีวีประเภทแปลกแต่จริงผู้เป็นขาประจำของร้านแผ่นหนังหฤหรรษ์ของนิดา เขาอาสาที่จะช่วยทำให้ลูกชายของนิดาออกมาจากห้องเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในการนำเรื่องแปลกประหลาดนี้ไปออกรายการ “เรื่องนี้ผมก็จะรับบทเป็น “โดม” ครีเอทีฟรายการทีวีที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ชอบสิ่งแปลกใหม่ ท้าทาย จริงๆ แล้วก็เล่นเป็นตัวเองมากเลยครับ คล้ายๆ ตัวเองนะครับ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากครับ เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องแรกของผมที่ต้องแสดงในคาแร็คเตอร์อื่นนะครับ ถึงแม้จะใกล้เคียงกับตัวเอง แต่มันก็ยากอยู่ดี ทั้งเรื่องคิว เรื่องบท เรื่องการแสดงอะไรอย่างนี้มันใหม่และก็ยากสำหรับผมเลยครับที่ต้องมาแสดงต่อหน้ากล้อง เพราะว่ายังไม่เคยทำมาก่อนครับ เป็นครั้งแรกครับ ตอนแรกๆ พอรู้ว่าจะต้องเข้าฉากกับพี่นกก็จะรู้สึกเกร็งๆ ครับ เพราะว่าพี่นกเขาก็เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่มืออาชีพ ผ่านประสบการณ์มาเยอะ ผมก็แสดงเป็นครั้งแรกด้วย ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงบ้าง ก็กลัวว่าจะทำให้เสียเวลาทีมงาน ทำให้พี่เขาหงุดหงิดได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ แตกต่างกันมาก ไม่เหมือนที่กลัวไปเองเลยครับ เพราะจริงๆ แล้วพี่นกเป็นคนใจเย็นมากเลยครับ ก็รู้สึกรีแล็กซ์ผ่อนคลายแตกต่างจากช่วงแรกๆ ที่เพิ่งเจอกับพี่นกใหม่ๆ นะครับ ไอ้เราก็รู้สึกว่า โอ้โห...เรามีวันนี้ด้วยเหรอเนี่ย รู้สึกดีใจครับ เพราะว่าผมก็ได้ดูพี่นกเล่นหนังเล่นละครตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ” แจ้งเกิดทันทีหลังจากโดนทีมงานสาระแนสับขาหลอก แกล้งอำเล่นครั้งมโหฬารในภาพยนตร์เรียลิตี้ขายฮาเรื่อง “สาระแนห้าวเป้ง” เมื่อปีที่ผ่านมา มาครั้งนี้กับงานแสดง “เล่นจริง เกร็งจริง” เป็นครั้งแรก “หนุ่มสตาร์บัค” ก็เจอกับของยาก เพราะงานนี้ เขาต้องแสดงตีคู่มากับนักแสดงตัวแม่ “นก-สินจัย” อยู่เกือบตลอดเรื่อง “เกร็ง ตื่นเต้น เล่นไม่ออก” คืออาการแรกที่สตาร์บัคต้องเจอ ไม่ต่างจากบรรยากาศ “หลอนเร้นลับ” ที่คาแร็คเตอร์ของเขาในเรื่องต้องเผชิญ ผลงานภาพยนตร์: สาระแนห้าวเป้ง (2552), Who Are You? ใคร...ในห้อง (2553), สาระแนสิบล้อ (2553) “โอ๊ต” (นีโน่-ฉัตรโสรฬ ธนูทิพยกุล) - หนุ่มวัยรุ่นที่ตอนกลางวันควบมอเตอร์ไซค์รับจ้างในซอย แต่พอตกกลางคืนเขากลับกลายเป็นนักย่องเบาในหมู่บ้าน ด้วยความชำนาญในการปีนป่ายบนฝ้าเพดาน เขารับปากเพื่อนร่วมแก๊งในการสืบหาความเป็นไปของ “ต้น” ว่าจะเป็นไปตามค่ำเล่าลือของชาวบ้านละแวกนั้นหรือไม่ “เรื่องนี้ผมรับบทเป็น ‘โอ๊ต’ ครับ เป็นวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง คือเป็นเด็กที่สุดในกลุ่มพี่วินแล้ว ชอบขโมยของชาวบ้าน ดึกๆ ก็จะปีนรั้วปีนหลังคาขโมยของตามบ้านต่างๆ ละแวกนั้นครับ ก็คือในคาแร็คเตอร์ของผมก็จะเป็นคนสอดรู้สอดเห็น เราก็อยากจะรู้ว่าไอ้ต้นที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเนี่ยเป็นยังไง เราก็อาสาไปสืบให้ เพราะความอยากรู้อยากเห็น พอเข้าไปในบ้านปุ๊บก็เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ต้องติดตามเอาเองครับ มันระทึกขวัญสุดๆ ครับ” ด้วยมาดกวนๆ ไฮเปอร์ๆ ของ “หนุ่มนีโน่” ที่ตรงกับคาแร็คเตอร์ในเรื่อง จึงทำให้ผู้กำกับฯ ตัดสินใจเลือกเขาให้มาเปิดซิงแสดงภาพยนตร์เป็นเรื่องแรกในอีกหนึ่งบทบาทที่จะสร้างสีสันในความหลอนระทึกครั้งนี้...จับตาหนุ่มหน้าใหม่คนนี้ไว้ให้ดี ผลงานภาพยนตร์: Who Are You? ใคร...ในห้อง (2553) “วิรัช” (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) - อดีตสามีที่ต้องหย่าร้างกับนิดาเพราะความเจ้าชู้ของตน แม้จริงๆ แล้วเขาจะเป็นพ่อที่รักลูกชายมากคนหนึ่งก็ตาม แต่เขาคงลืมคิดไปว่า ตัวเขาเองก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขามีอาการ “ฮิคิโคโมริ” ก็เป็นได้ เป็นอีกหนึ่งนักแสดงเจ้าบทบาทของไทยที่นานๆ ทีจะแสดงฝีมือให้เห็นบนจอใหญ่สักครั้ง ล่าสุด “ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์” กลับมาปล่อยพลังทางการแสดงที่งานนี้เขาต้องประชันฝีมือกับ “นก สินจัย” นักแสดงตัวแม่อย่างดุเดือดด้วย ผลงานภาพยนตร์ (บางส่วน): ล่าข้ามโลก (2526), สงครามเพลง (2526), แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว (2542), After School วิ่งสู่ฝัน (2553), Who Are You? ใคร...ในห้อง (2553) บันทึก (ลับ) ผู้กำกับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการรวบรวมสุดยอดฝีมือของวงการหนังไทยจากหลายแขนงมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นที่สุดของนางเอกตัวแม่อย่าง “นก สินจัย เปล่งพานิช” ด้านการเขียนบทก็ได้ “เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์” ที่สุดของนักคิดเรื่องสยองขวัญที่เคยฝากผลงานอย่าง “13 เกมสยอง”, “บอดี้ ศพ#19” ไว้ และสุดยอดฝีมือด้านการกำกับภาพอย่าง “จิ๊บ ทิวา เมยไธสง” (ผู้กำกับภาพ “เพื่อน กูรักมึงว่ะ”, ผู้กำกับ “เชือดก่อนชิม”) รวมถึงทีมงานสร้างหนังไทยมืออาชีพในทุกๆ ตำแหน่ง ซึ่งทั้งหมดนี้มาคลุกเคล้ารวมกันจนเป็นภาพยนตร์ลุ้นระทึกขวัญเรื่อง “Who Are You? ใคร...ในห้อง” แรงบันดาลใจมันเกิดจากความชอบหนังเขย่าขวัญของ Alfred Hitchcock โดยเฉพาะเรื่อง Psycho ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอแง่มุมด้านมืดของจิตใจของมนุษย์ที่ยากจะหยั่งถึง ผนวกกับการได้ฟังประสบการณ์ชีวิตของ “พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เกี่ยวกับแม่ที่มีลูกชายปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้องนานหลายๆ ปีโดยไม่ยอมออกมาจากห้อง จึงทำให้เกิดโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่อง “Who Are You? ใคร...ในห้อง” ขึ้นมา เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่พล็อตหนังที่เหนือจริงแต่อย่างใด แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ที่เป็นสังคมแบบต่างคนต่างอยู่ รู้หน้าไม่รู้ใจ แม้กระทั่งคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน หลายครอบครัวเกิดสภาวะพ่อแม่ลูกที่อยู่บ้านเดียวกันกลับห่างเหินเหมือนอยู่กันคนละโลก ลูกขังตัวเองปิดประตูอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาพบหน้าผู้คน ประตูห้องที่ถูกปิดตายเปรียบเสมือนจิตใจที่ถูกปิดกั้นของแม่กับลูกคู่นี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความฝันของการเป็นผู้กำกับหนังของผมคือการได้ร่วมงานกับ “นก สินจัย” ผมได้ดูหนังที่เธอแสดงมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือจนถึงทุกวันนี้ก็ยังผลงานของเธอออกมาอย่างต่อเนื่อง เธอเป็นนางเอกแถวหน้ามาเกือบสามสิบปี ทุกครั้งผลงานการแสดงของ “นก สินจัย” ออกมาไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร มันจะต้องพิเศษเป็น Talk of the Town และกวาดรางวัลแทบทุกสถาบัน “Who Are You? ใคร...ในห้อง” จึงเป็นโปรเจ็คต์ที่ไม่มีตัวเลือกอื่นใดเลยนอกจาก “นก สินจัย เปล่งพานิช” และถ้าไม่มีชื่อ “นก สินจัย” เป็นนักแสดงนำ ภาพยนตร์เรื่อง “Who Are You? ใคร...ในห้อง” ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ในวันแรกที่ไปพบกับ “นก สินจัย” เป็นวันที่ผมลุ้นระทึกมาก ผมกลัวว่าเธอจะไม่รับเล่นเพราะเราเองก็ไม่ใช่ผู้กำกับชื่อดังอะไรนัก แต่หลังจากที่คุยกันผมก็ได้รับข่าวดีว่าเธอสนใจจะเล่นหนังกับผม มันเป็นข่าวดีมากกว่าการได้ทำหนังเรื่องแรกซะอีก ในเวลานั้นผมบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำหนังเรื่องนี้ให้ดีที่สุดให้สมกับที่นักแสดงชั้นครูผู้นี้ให้ความไว้ใจมาเล่นหนังกับเรา ระหว่างการถ่ายทำผมได้เห็นพลังของนักแสดงตัวแม่ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกสะกดจิตอยู่หน้ามอนิเตอร์ ในทุกๆ ซีน ทุกๆ คัท มันมีพลังมาก เมื่อมีสินจัยอยู่ในเฟรม บางซีนมันจริงมากจนเหมือนกับว่าเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าจริงๆ เป็นประสบการณ์การทำงานที่น่าประทับใจมากสำหรับผุ้กำกับหนังธรรมดาๆ คนหนึ่งครับ ภาพยนตร์เรื่อง “Who Are You? ใคร...ในห้อง” ไม่ใช่ผลงานของคนใดคนหนึ่ง แต่มันเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากความสามารถของนักแสดงและทีมงานมืออาชีพที่ช่วยกันปรุงแต่งกันขึ้นมาจนเป็นผลงานที่ทำให้ผมภาคภูมิใจ และเชื่อว่า “Who Are You? ใคร...ในห้อง” จะเป็นหนังที่ทำให้คนดูรู้สึกประทับใจเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายในชีวิต...ผมก็พอใจแล้ว “ฮิคิโคโมริ”...โรคร้ายหรือปรากฏการณ์ทางสังคม “ฮิคิโคโมริ” (Hikikomori) ถูกค้นพบและรายงานออกมาเมื่อเกือบ 15 ปีที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่น เป็นอาการของเด็กที่แยกตัวออกจากสังคม ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลาไม่ออกไปไหนเป็นเวลานานนับปี กิจกรรมที่เด็กเหล่านี้มักจะทำก็คือดูทีวีไปเรื่อยๆ, เล่นเกมคอมพิวเตอร์, ท่องอินเตอร์เน็ต, อ่านการ์ตูน หรือหนักที่สุดก็อาจจะนั่งจ้องกำแพงอย่างเลื่อนลอย จิตแพทย์และนักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งได้แสดงความเห็นว่า อาการฮิคิโคโมรินี้เกิดขึ้นได้เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเพียงเท่านั้น และมันเป็นเพียง “ปรากฏการณ์ทางสังคม” หาใช่ “โรค” อย่างที่ถูกกล่าวอ้างไม่ มองย้อนไปที่บริบททางสังคม เหตุที่ระบุว่ามีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ก็เนื่องจากสภาวะทางสังคมของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ประเพณีวัฒนธรรม หรือสภาพเศรษฐกิจที่มีความกดดันอย่างสูง เป็นเหตุให้เกิดการ “หนี” จากสภาพความเป็นจริง จนกระทั่งหนีเข้าห้องปิดตายสร้าง “โลกเสมือน” อันน่าพึงใจของตัวเองขึ้นมา ซึ่งนักสังคมวิทยาเชื่อว่า ทั้งหมดนี้เป็นการบ่มเพาะปรากฏการณ์ฮิคิโคโมริที่สำคัญก่อนที่จะถูกกระตุ้นให้แสดงออกอย่างชัดเจนด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำหน้าทันสมัยกว่าประเทศอื่นใดในช่วงกว่า 10 ปีให้หลังนี้ นักจิตวิทยาญี่ปุ่นมีความเห็นว่า ฮิคิโคโมริเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมอย่างแท้จริง เกิดขึ้นเพราะเด็กญี่ปุ่นไม่ยอมรับวิถีชีวิตในสังคมของคนส่วนใหญ่ เขาจึงกำหนดตนเองเป็นฮิคิโคโมริ เขาพอใจชีวิตที่เป็นและไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่มันก็ก่อผลเสียอยู่บ้างกับการขาดทักษะในการเข้าสังคมกับคนส่วนใหญ่ เมื่อกักขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนานเกินไป เมื่อกลับมามองถึงมวลรวมของโลกไร้พรมแดนอันทะลักด้วยเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกอย่างล้นเหลือในยุคปัจจุบันแล้ว ไม่เพียงแค่คนในสังคมญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ผู้คนเกือบทุกสังคมบนโลกใบนี้ต่างก็สามารถที่จะกักขังตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แล้วตัวคุณล่ะมีอาการ “ฮิคิโคโมริ” อยู่หรือเปล่า??? (อ้างอิงจากบทความ “ฮิคิโคโมริ” ของ “นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์” จากนิตยสาร “สารคดี” ฉบับกันยายน 2549 / อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=604 )
แท็ก ภาพยนตร์   Movie:   WHO  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ