กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทย ประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทั้งบุคคลและธุรกิจ ลดอัตราดอกเบี้ยลง 50% ลดค่างวด ให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน รวมทั้งช่วยคู่ค้าของลูกค้า หวังดูแลลูกค้ายามยากให้ยืนหยัดอีกครั้ง แต่เชื่อความเสียหายยังไม่มากเมื่อเทียบกับสินเชื่อทั้งระบบ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจของธนาคาร ทำให้ไม่สามารถเปิดบริการหรือทำกิจการได้ตามปกติ ส่งผลให้รายได้ลดลงหรือขาดรายได้ ดังนั้นธนาคารกสิกรไทยจึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและกลุ่มธุรกิจที่ได้ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดังนี้
ลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทย (K-Home Loan) มี 3 แนวทางได้แก่ แนวทางที่ 1 ลดยอดการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านลงสูงสุดไม่เกิน 40% ของยอดผ่อนชำระปกติ โดยยอดผ่อนชำระดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่ายอดชำระดอกเบี้ยรายเดือนเป็นเวลา 1 ปี แนวทางที่ 2 ปรับการผ่อนชำระให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยอย่างเดียวเป็นระยะเวลาสูงสุด 1 ปี แนวทางที่ 3 ปรับการผ่อนชำระเป็นแบบขั้นบันได โดยแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ช่วงที่ 1 ระยะเวลา 1 ใน 4 แรกของเวลาที่เหลือของสัญญา ให้ผ่อนชำระเงินกู้น้อยกว่าค่าผ่อนชำระปกติ 20% ช่วงที่ 2 ระยะเวลา 1 ใน 4 ถัดจากช่วงที่ 1 ให้ผ่อนชำระเงินกู้ด้วยอัตราค่าผ่อนชำระปกติ และช่วงที่ 3 ระยะเวลาที่เหลือ ให้ผ่อนชำระเงินกู้มากกว่าค่าผ่อนปกติ 20%
ลูกค้าบัตรเครดิต (K-Credit Card) ปรับลดยอดผ่อนชำระสินเชื่อขั้นต่ำจากเดิม 10% หรือ 1,000 บาท เหลือชำระขั้นต่ำ 5% หรือ 1,000 บาท พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากเดิม 20% ต่อปี เป็น 10% ต่อปี ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2553
สินเชื่อเงินสดทันใจ (K-Express Cash) ปรับลดยอดผ่อนชำระสินเชื่อขั้นต่ำจากเดิม 5% หรือ 500 บาท เหลือชำระขั้นต่ำ 2% หรือ 500 บาท พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยของยอดเงินคงค้างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันลงครึ่งหนึ่ง (50%) ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2553
สำหรับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือ ได้แก่ การให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนสูงสุดรายละ 2 ล้านบาท ให้ลูกค้าผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยนานสูงสุด 12 เดือน และสามารถต่ออายุตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการค้า (P/N) 3 เดือน โดยไม่ต้องมีเอกสารคำสั่งซื้อรองรับ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่นธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยว ธนาคารก็จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือในด้านการผ่อนชำระ และขยายอายุตั๋วสัญญาใช้เงินด้วย
กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง มีเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับดีมาก ธนาคารจะเข้าไปร่วมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งในเบื้องต้นจะเป็นการลดอัตราการผ่อนชำระ หรือการลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการหามาตรการเข้าไปช่วยเหลือสำหรับคู่ค้าที่เป็นผู้เช่าพื้นที่หรือซัพพลายเออร์ของลูกค้าด้วย
นายประสาร ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ความเสียหายที่เกิดกับธุรกิจของลูกค้าในครั้งนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของไทย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง และขณะนี้แต่ละธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยให้ลูกค้าส่วนใหญ่ฟื้นตัวได้ นอกจากนั้นทางธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ไทย และสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในประเทศไทยจะมีการร่วมประชุมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมจากที่แต่ละธนาคารได้ริเริ่มไว้แล้ว