ไอเอ็นจีประกันชีวิต มุ่งกลยุทธ์ลูกค?เป็นศูนย์กลางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโต เผยผลประกอบการแกร่งในไตรมาสแรก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 26, 2010 11:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ไอเอ็นจีประกันชีวิตเผยผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2553 และกลยุทธ์มุ่งเน้นลูกค?าเป็นศูนย์กลางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโต ซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานต่อเนื่องจากการจัดทัพปรับโครงสร้างใหม่ที่มุ่งลูกค้าเป็นศูนย์กลางเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทมีผลประกอบการที่ยังคงแข็งแกร่งจากช่องทางการขายทั้งหมด โดยบริษัทจะรุกให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกๆด้านของการดำเนินงานสอดคล้องกับสภาวะทางการตลาดที่ยากลำบาก ไอเอ็นจี กรุ๊ป ยังคงแข็งแกร่งอยู่ในภูมิภาคเอเชียและกำลังจะก้าวไปสู่ผู้นำธุรกิจอันดับสองในภูมิภาคนี้ จาก การดำเนินงานของบริษัทที่ได้ปรับโครงสร้างองค์กรทั่วโลกภายใต้กลยุทธ์คืนสู่สามัญ โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาส่ง ผลให้ ไอเอ็นจีสามารถลดต้นทุนและความเสี่ยง ซึ่งภายใต้กลยุทธ์นี้สะท้อนการปรับตัวในช่วงวิกฤติการณ์ทางการเงิน ปี 2551 เพื่อเสริมสร้างให้ไอเอ็นจี กรุ๊ปมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งโดยมุ่งเน้นในธุรกิจหลักและการควบคุมต้นทุน สำหรับไอเอ็นจีประกันชีวิต ในประเทศไทย ยังมีสถานะการดำเนินงานที่ดีและประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ แม้ว่าขณะนี้จะเผชิญกับการแข่งขันทางการตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง นายแฟรงค์ คอสเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอเอ็นจี เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า เรารู้สึกมีความตื่นเต้นอย่างมากกับผลการดำเนินงานของไอเอ็นจีในภูมิภาคเอเชียและเชื่อมั่นว่าจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน ด้วยจุดแข็งทางด้านธุรกิจในหลายภูมิภาคของเรา ทั้งนี้จาก 4 มาตรการสำคัญของไอเอ็นจี กรุ๊ป ที่มุ่งหน้าสู่อนาคตเมื่อปีที่แล้วซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานไปด้วยดีส่งผลให้ไอเอ็นจีทั้งในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมาตรการสำคัญต่างๆเหล่านี้ คือ การปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจ การแยกธุรกิจการธนาคารและธุรกิจประกัน การเพิ่มทุนเพื่อชำระให้กับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ และการขายทิ้งธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักเมื่อเหมาะสม โดยคาดว่าขั้นตอนการปรับโครงสร้างธุรกิจต่างๆ จะดำเนินเสร็จสิ้นภายในปี 2556 ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการปรับโครงสร้างธุรกิจได้เรียบร้อยตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นายราเจช เสฐฐี กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์มุ่งเน้นลูกค?าเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนให้ไอเอ็นจีประกันชีวิตในประเทศไทยมีผล การดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทที่ดีขึ้น สองคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของไอเอ็นจี กรุ๊ป ทั้งนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาการลงทุนทั้ง 3 ช่องทางการขาย คือ ตัวแทน แบงค์แอสชัวรันส์ และการประกันภัยแบบตรง ตลอดจนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทได้สนับสนุนในการพัฒนาตัวแทนของบริษัททั้งในการเฟ้นหาตัวแทนใหม่และการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ ซึ่งตัวแทนจะเป็นช่องทางการขายสำคัญของไอเอ็นจีประกันชีวิต สำหรับช่องทางการให้บริการแบงค์แอสชัวรันส์ร่วมกับธนาคารทหารไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเราเชื่อมั่นว่าไอเอ็นจีประกันชีวิตจะมีอนาคตที่แข็งแกร่งในตลาดประกันชีวิตไทยต่อไปอย่างแน่นอน สำหรับอุตสาหกรรมประกันภัยในภูมิภาคเอเชีย/ แปซิฟิก ยังรักษาระดับการเติบโตเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ขณะเดียวกันมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์ในหลายๆประเทศด้วยกันซึ่งรวมทั้งในกลุ่มวัยกลางคนและวัยเกษียณอายุที่มีความต้องการความคุ้มครองเงินออมและค่ารักษาพยาบาล ทั้งนี้ ตลาดประกันภัยเกิดใหม่ (Emerging Market) เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและอินเดีย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตธุรกิจประกันชีวิต 14.4% และ 17.6% ตามลำดับ ในช่วงปี 2552 — 2556 “สำหรับแนวการดำเนินงานในประเทศไทย จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตด้วยกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยนำระบบ NPS (Net Promoter Score) เข้ามาสนับสนุนในการเข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งเป็นระบบประมวลผลค้นหาความต้องการจากข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริโภค โดยไอเอ็นจีประกันชีวิตจะทำการสอบถามลูกค้าทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอถึงความพึงพอใจในการให้บริการและผลิตภัณฑ์ของไอเอ็นจีประกันชีวิต เพื่อนำมาพัฒนาการดำเนินงานของบริษัท ทั้งนี้ระบบ NPS ถูกออกแบบเพื่อนำมาใช้สนับสนุนในการทำวิจัยทางการตลาดในเริ่มแรก และด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ไอเอ็นจีประกันชีวิตจึงได้นำระบบ NPS มาเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อยกระดับการพัฒนาระบบ กระบวนการดำเนินงาน และผลิตภัณฑ์ของบริษัท ตามความต้องการของลูกค้าเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด” นายราเจชกล่าว “ด้วยความมุ่งมั่นใส่ใจของทีมไอเอ็นจีประกันชีวิต ประเทศไทย ในการดำเนินงานโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญมาโดยตลอด ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 1 มีความแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้น 20% คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 480 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดเบี้ยประกันภัยรับทั้งหมดมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เรามีความยินดีอย่างมากกับผลการดำเนินงาน ซึ่งเผชิญกับความท้าทายของสถานการณ์ทางการตลาดและการปรับโครงสร้างขององค์กรในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลางจะขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยประสบความสำเร็จต่อไปในประเทศไทย” นายราเจชสรุป อนึ่ง ไอเอ็นจี กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยไอเอ็นจี กรุ๊ป มีกำไรสุทธิ (underlying net profit) 1,018 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วที่มีผลขาดทุน 236 ล้านยูโร ส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 4,400 ล้านยูโร รวมเป็น 38,200 ล้านยูโร หรือ 10.10 ยูโรต่อหุ้น ธุรกิจประกันภัยมีผลกำไรก่อนหักภาษี 269 ล้าน ยูโรในไตรมาส 1 ปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2552 ซึ่งมีผลขาดทุน 954 ล้านยูโร เกี่ยวกับไอเอ็นจี ไอเอ็นจีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการทางการเงินของกลุ่มเนเธอร์แลนด์ดำเนินธุรกิจด้านประกันชีวิต ประกันภัย ธนาคาร หลักทรัพย์ กองทุนรวม และบำนาญ โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 75 ล้านราย ใน 50 ประเทศ และมีพนักงานกว่า 110,000 คนทั่วโลก ทำให้วันนี้ทางกลุ่มบริษัทไอเอ็นจีกรุ๊ป ได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของโลก บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด จิตติมา (08 6997 8340) / หงสินันท์ (08 1842 0031) / สาธิดา (08 3788 5115) โทรศัพท์ 0 2252 9871 อีเมล์ jittima.m@abm.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ