กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลังเผยช่วง 7 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2553 สภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการรับโอนเงินจากการยึดทรัพย์ ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเกินเป้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฐานะการคลังที่ยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็งแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2553 ว่ารัฐบาลมีรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 28.4 โดยเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลการจัดเก็บภาษีบนฐานการบริโภคและการนำเข้า โดยภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และอากรขาเข้า นอกจากนี้ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มเติมจากการรับโอนเงินยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 49,016 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,079,542 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 239,472 ล้านบาท เมื่อรวมกับการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 54,042 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดดุลเงินสดรวม 293,514 ล้านบาท และรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 175,572 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดหลังกู้ทั้งสิ้น 117,942 ล้านบาท โดยมีเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2553 จำนวน 175,893 ล้านบาท
นายสาธิตสรุปว่า “แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่เหลือของปี แต่จากผลการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับฐานะเงินคงคลังที่เข้มแข็ง จึงมั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินบทบาทในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ ควบคู่ไปกับการรักษาระดับฐานะการคลังให้มีความมั่นคงต่อไป”
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2553
(ตุลาคม 2552 — เมษายน 2553)
หน่วย: ล้านบาท
7 เดือนแรก เปรียบเทียบ
ปีงบประมาณ 2553 ปีงบประมาณ 2552 จำนวน ร้อยละ
1. รายได้ 840,070 654,396 185,674 28.4
2. รายจ่าย 1,079,542 1,113,463 -33,921 -3.0
3. ดุลเงินงบประมาณ -239,472 -459,067 219,595 -47.8
4. ดุลเงินนอกงบประมาณ -54,042 25,679 -79,721 -310.4
5. ดุลเงินสดก่อนกู้ (3+4) -293,514 -433,388 139,874 -32.3
6. เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 175,572 302,218 -126,646 -41.9
7. ดุลเงินสดหลังกู้ (5+6) -117,942 -131,170 13,228 -10.1
ที่มา: กรมบัญชีกลาง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก www.fpo.go.th สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 0 2273 9020 ต่อ 3558 และ 3326