กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ส.อ.ท.ตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำลับที่ 39 ร่วมจับมือภาครัฐพัฒนาศักยภาพการแข่งขันให้ก้าวทันต่อตลาดโลกอย่างถูกทิศทาง พร้อมบูรณาการภูมิปัญญาไทยด้วยแนวทางวิทยาศาสตร์อย่างสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2550 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดให้มีการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรขึ้นเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 39 ของสภาอุตสาหกรรมฯ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.อดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ เข้าร่วมในพิธีสถาปนากับผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมฯ ทั้งนี้นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เปิดเผยถึงความเป็นมาของการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรว่า เกิดจากการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสมุนไพรในหลายสาขา ที่มีโครงสร้างและพื้นฐานการประกอบกิจการที่เป็นเอกลักษณ์ใกล้เคียงกัน เห็นว่าการประกอบกิจการของตนต้องการความคล่องตัว และต้องการการส่งเสริมจากองค์กรของภาครัฐอย่างจริงจัง ประกอบกับการดำเนินกิจการภายใต้กฎหมายของอุตสาหกรรมพื้นฐาน เช่น อาหาร และยาทั่วไป ไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต ทั้งๆ ที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้บรรจุให้มีการส่งเสริมสมุนไพรไว้ในแผนดังกล่าว ดังนั้นสภาอุตสาหกรรมฯ จึงได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสมุนไพรรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมขึ้นเพื่อให้เป็นองค์กรกลางที่ประสานประโยชน์ของการถ่ายทอดวิทยาการ จากภาครัฐสู่ภาคเอกชนให้เป็นไปอย่างเป็นระบบ และเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม และเอื้อประโยชน์ให้การวางแผนพัฒนาผู้ประกอบการสมุนไพรสาขาต่างๆ ให้ประกอบการทั้งในเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น และทันต่อยุคโลกาภิวัฒน์ โดยเบื้องต้นมีสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสิ้น 25 ราย โดยมีนายชวน ธรรมสุริยะ บริษัท คั้นกี่น้ำเต้าทอง จำกัด เป็นประธานคณะผู้ก่อตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร
ด้านนายชวน ธรรมสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมถึงการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรว่า จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างสรร และพัฒนามาตรฐานของอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย 8 สาขา ประกอบไปด้วย ผู้ผลิตสมุนไพรวัตถุดิบ ยาจากสมุนไพร สมุนไพรเพื่อการผลิตสัตว์ สมุนไพรเพื่อการเกษตร สารสกัดสมุนไพร อาหารและสริมอาหาร เครื่องสำอางที่ทำจากสมุนไพร และผลิตภัณฑ์สปาและอุปกรณ์สมุนไพรเพื่อการแพทย์ทางเลือก ให้เป็นองค์กรประสานประโยชน์ ระหว่างผู้ใช้ทรัพยากรสมุนไพรของประเทศให้สามารถสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติที่เริ่มมีจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เพื่อเป็นการรักษาและปกป้องผลประโยชน์และเสถียรภาพของทรัพยากรสมุนไพรของประเทศไทย โดยการพัฒนาวิทยาการ ความรอบรู้ให้สามารถรักษาและขยายตลาดของวัตถุดิบ และสินค้าสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศ ตลอดไปจนถึงการสร้างอำนาจต่อรองในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
“ การตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรขึ้นก่อให้เกิดการบูรณาการของการตลาด การผลิตสินค้า การผลิตวัตถุดิบ การวิจัยและพัฒนาทรัพยากรสมุนไพร ซึ่งเริ่มจากเกษตรกรไปจนถึงผู้บริโภคอย่างเป็นระบบด้วยการพัฒนาองค์ความรู้แห่งภูมิปัญญาไทยดั้งเดิม และด้วยแนวทางวิทยาศาสตร์ ประกอบกันอย่างสอดคล้องกับมาตรฐานสากล อีกทั้งเป็นองค์กรที่นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา การประสานงาน ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐที่กระทบต่ออุตสาหกรรมสมุนไพรได้อีกด้วย” นายชวน กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โทร. 0-2345-1017 โทรสาร 0-2345-1295-9