กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--เมืองไทยประกันภัย
เมืองไทยประกันภัย โชว์ผลงานปี 2549 ด้วยกำไร 152.55 ล้านบาท มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,891 ล้านบาท พร้อมประกาศเดินหน้าปี 2550 ด้วยอัตราการเติบโต 12% ชูนโยบายเติบโตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ ยึดหลัก “ความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับแบบประกันที่หลากหลาย-บริการจากตัวแทนที่มีคุณภาพ” พร้อมเจาะตลาดภูมิภาคด้วยการเพิ่มสำนักงานตัวแทน และศูนย์บริการลูกค้า คาดกวาดเบี้ยรับประกันภัยไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของปี 2549 บริษัทฯ มีกำไร 152.55 ล้านบาท (ก่อนหักภาษีเงินได้) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ซึ่งเป็นผลมาจากเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 1,891.3 ล้านบาท ประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 1,130.6 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับภาคสมัครใจ 944.9 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับภาคบังคับ 185.7 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non - Motor) มีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 760.7 ล้านบาท โดยแยกเป็นประกันอัคคีภัย 215.3 ล้านบาท ประกันการขนส่งทางทะเล 53.9 ล้านบาท และประกันเบ็ดเตล็ด 491.4 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนการลงทุน 42.1 ล้านบาท และรายได้สุทธิจากการลงทุน 110.5 ล้านบาท
“สำหรับปี 2550 บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของเบี้ยรับประกันภัยไว้ประมาณร้อยละ 12 คิดเป็นเบี้ยรับทั้งสิ้น 2,042.4 ล้านบาท นับเป็นเป้าหมายที่ท้าทายการทำงานของเราเป็นอย่างมาก นโยบายการทำงานของบริษัทฯ ในปีนี้ คือ การเติบโตอย่างมั่นคง และมีคุณภาพ โดยจะเน้นความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับแบบประกันที่หลากหลาย ด้วยบริการอย่างมืออาชีพ และมีคุณภาพของตัวแทนและพนักงานของเรา” นางนวลพรรณ กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดศูนย์บริการลูกค้า Customer Service Center :CSC เพิ่มอีก 3 แห่ง คือ นครราชสีมา ภูเก็ต และขอนแก่น ภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการให้บริการแล้ว 4 แห่ง คือ สำนักงานใหญ่ กรุงเทพ หาดใหญ่ เชียงใหม่ และชลบุรี ทั้งนี้ศูนย์บริการลูกค้า (CSC) เป็นอีกหนึ่งบริการที่ต้องการตอบสนองทุกความต้องการด้านประกันภัยของลูกค้าอย่างครบวงจร ในรูปแบบ “One Stop Service” เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าภูมิภาค
ในปีนี้บริษัทฯ จะเน้นเปิดสำนักงานตัวแทนในภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยปัจจุบันมีสำนักงานตัวแทนทั้งสิ้น 167 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 21 แห่ง ภาคกลาง 21 แห่ง ภาคเหนือ 18 แห่ง ภาคอีสาน 23 แห่ง ภาคตะวันออก 35 แห่ง และภาคใต้ 49 แห่ง และพร้อมกันนั้นจะเน้นการขายผ่านตัวแทนให้เพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 20 เพราะมั่นใจในศักยภาพของตัวแทน ด้วยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการฝึกฝน และอบรมตัวแทนโดยตรงและใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงตอกย้ำการเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์แบบประกันภัยใหม่ๆ ล่าสุดได้สร้างสรรค์แบบประกันภัยส่วนบุคคลตามลักษณะของกลุ่มลูกค้าถึง 2 แบบ คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ภาคสมัครใจซึ่งสามารถทำคู่ควบพ.ร.บ. ภายใต้ชื่อ TP-Save และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล PA เมืองไทย ที่มีให้เลือกกว่า 4 แบบความคุ้มครอง ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้า และประชาชนเป็นจำนวนมาก ด้วยความคุ้มครองที่คุ้มค่าในราคาที่ยุติธรรม
“ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ประชาชนเริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินรวมถึงความเสี่ยงภัยทางธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นคาดว่าในปีนี้ธุรกิจประกันวินาศภัยจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น” นางนวลพรรณ กล่าว