STAR คุยได้รับผลดีเต็มๆ หลัง ครม.ไฟเขียว ผ่านเกณฑ์มาตรา 3 พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า

ข่าวทั่วไป Tuesday January 16, 2007 12:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--สตาร์ ซานิทารีแวร์
ผู้บริหาร STAR เผยรับผลดีเต็มๆ หลัง ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจมีอำนาจเหนือตลาด ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ชี้หากมีการบังคับใช้กฎหมายจะทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เจ้าตลาดทั้ง 3 ราย เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาด ส่งผลต้องปรับแผนธุรกิจให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในตลาดมีความเป็นธรรมและเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายเล็กมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อ STAR โดยตรง
ดร.สมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STAR กล่าวถึงกรณีที่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด ตามมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2522 โดยกำหนดให้ทุกธุรกิจที่มีผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในปีที่ผ่านมา 50% ขึ้นไป และมียอดขายเกินกว่า 1,000 ล้านบาท หรือผู้ประกอบธุรกิจ 3 รายแรกในตลาดสินค้าใดที่มีส่วนแบ่งรวมกัน 75% ขึ้นไป และมียอดขายรายใดรายหนึ่งเกิน 1,000 ล้านบาท เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาดว่าหากกฎหมายดังกล่าวนำมาบังคับใช้ก็จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการรายเล็ก เพราะจะทำให้การแข่งขันในตลาดมีความเป็นธรรมขึ้น
นอกจากนี้ ยังเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรายเล็กโดยตรง เนื่องจาก พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2522 ห้ามผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด กำหนดหรือรักษาระดับราคาการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม การระงับ หรือลด หรือจำกัดการบริการ การผลิต การซื้อ การจำหน่าย และการนำเข้ามาในประเทศโดยไม่มีเหตุผล เพื่อลดปริมาณให้ต่ำกว่าความต้องการของตลาด จนสร้างความเสียหายต่อสินค้า และห้ามแทรกแซงการประกอบธุรกิจของผู้อื่น ดังนั้น จะทำให้การแข่งขันในตลาดมีความเป็นธรรมขึ้น ผู้ประกอบการรายเล็กและผู้บริโภคจะไม่ถูกเอาเปรียบจากรายใหญ่ที่มีอำนาจเหนือตลาดเนื่องจากที่ผ่านมารายใหญ่มักจะเป็นผู้กำหนดทั้งราคาและการแข่งขันในตลาดเกือบทั้งหมด
"ถ้าดูจากตลาดสุขภัณฑ์ ของไทยในปัจจุบัน แน่นอนว่าผู้ประกอบธุรกิจ 3 รายแรก ต้องเข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาดตามมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าแน่ เพราะมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันเกินกว่า 75% และมีผู้ประกอบการที่มียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินธุรกิจก็คงเข้าไปอยู่ในกรอบตามที่กฎหมายกำหนด ส่วน STAR ในฐานะเบอร์ 4 ก็คาดว่าน่าจะได้รับผลดี เพราะถึงแม้ว่าปัจจุบันตลาดหลักของบริษัทจะเป็นตลาดส่งออก แต่ปีนี้บริษัทวางกลยุทธ์เตรียมที่จะบุกขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นไป ดังนั้นหากมีกฎหมายออกมากำหนดให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เดินอยู่ในกรอบเพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างเป็นธรรมได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะจะทำให้การขยายตลาดในประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้น”
นอกจากนี้ เขาได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อ STARเนื่องจากมีสัดส่วนการถือหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติน้อยมาก แต่ในทางกลับกันอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ 2 รายใหญ่ในตลาดสุขภัณฑ์ เพราะมีต่างชาติถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น หากมีการปรับสัดส่วนการถือหุ้น และปรับการบริหารให้เป็นไปตามเกณฑ์ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ฉบับแก้ไขแล้ว อาจมีผลให้โฉมหน้าของธุรกิจสุขภัณฑ์ของไทยเปลี่ยนแปลงไป และ STAR ในฐานะผู้ประกอบการชาวไทยก็พร้อมจะใช้โอกาสดังกล่าวทำให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจมากที่สุด
สอบถามรายละเอียด
ขนิษฐา โรจน์ทนง
081-8014290 / 083-9828244

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ