กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--วว.
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสาหร่ายมุกหยก ให้แก่ บริษัทสยามนอสตอค แอนด์ ไมโครแอลจี จำกัด เพื่อการผลิตในเชิงพาณิชย์ สร้างความเข้มแข็งอุตสาหกรรมไทย
ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการ วว. กล่าวชี้แจงว่า วว. ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสาหร่ายมุกหยก (ไข่หิน , Nostoc commune) ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาโดย ศูนย์จุลินทรีย์ วว. ให้แก่ บริษัทสยามนอสตอค แอนด์ ไมโครแอลจี จำกัด เพื่อนำไปผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์โดยมีระยะเวลาการถ่ายทอดฯ 5 ปี ภายใต้ข้อตกลงของความร่วมมือดังกล่าว วว. จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสาหร่ายมุกหยกและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่บริษัท ได้แก่ คุณค่าทางอาหาร การปนเปื้อนโดยจุลินทรีย์ ปนเปื้อนโดยโลหะหนัก การฝึกอบรมวิธีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายมุกหยกแบบเข้มข้น รวมทั้งการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการ
ดร.อาภารัตน์ มหาขันธ์ นักวิชาการ ศูนย์จุลินทรีย์ วว. กล่าวเพิ่มเติมว่า สาหร่ายมุกหยก (ไข่หิน , Nostoc commune) เป็นสาหร่ายสกุลนอสตอค ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะสัณฐานวิทยาและการเติบโตแตกต่างกัน บางชนิดเป็นแผ่นวุ้น (jelly sheath) บางชนิดเป็นก้อนวุ้น (jelly clump) ทั้งนี้ เพื่อให้ได้สาหร่ายนอสตอคที่มีลักษณะสัณฐานวิทยาเหมาะสมต่อการยอมรับของผู้บริโภค และง่ายต่อการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และญี่ปุ่น เช่น เป็นหน้าแซนวิชรสชาติต่างๆ ใส่ในซุปต่างๆ เช่น ซุปใส ซุปเต้าหู้ เป็นส่วนผสมในน้ำสลัดหรือใช้บริโภคแทนผักในสลัด เป็นส่วนผสมในสปาเก็ตตี้ ใช้เป็นหน้าซูชิ หรือประกอบอาหารแทนไข่คาร์เวียร์ หรือยำแทนไข่แมงดา ฯลฯ นอกจากนั้นยังสามารถพัฒนาเป็นอาหารขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ศูนย์จุลินทรีย์จึงได้ทำการพัฒนาสูตรอาหารและวิธีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายมุกหยก (ไข่หิน , Nostoc commune) ในรูปแบบก้อนวุ้นกลม (jelly ball) ในขนาดต่างๆ เชิงพาณิชย์
สาหร่ายนอสตอค (Nostoc sp., Cyanophyta) หรือในชื่อภาษาไทยคือ สาหร่ายไข่หิน ดอกหิน เห็ดหิน เห็ดยาควร เป็นสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวที่ตรึงไนโตรเจนได้ ตามภูมิปัญญาไทยเชื่อว่ามีสรรพคุณในการรักษาระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมทั้งช่วยลดอาการร้อนใน ภูมิปัญญาจีนมีความเชื่อว่า การบริโภคสาหร่ายในสกุลนอสตอค ช่วยรักษาโรคเก๊าต์ มะเร็ง ตาบอดในเวลากลางคืน แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ตลอดจนอาการเจ็บป่วยต่างๆ ส่วนภูมิปัญญาญี่ปุ่นพบว่าจะช่วยในการลดโคเลสเตอรลและป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้
จากผลการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารของสาหร่ายนอสตอคจากแหล่งต่างๆ ในประเทศไทยพบว่า สาหร่ายปริมาณ 100 กรัม มีโปรตีน 20.26-43.52% ไขมัน 0.00-1.56 % ใยอาหาร 2.70-43.00% มีวิตามินต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 มีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม เหล็ก และยังประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น เมไทโอนีน ไลซีน โพรลีน ซีรีน ไทโรซีน อะลานีน อยู่อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังไม่พบจุลินทรีย์ที่ก่อโรคและไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ได้แก่ ปรอท ตะกั่วและสารหนู ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
นายบัณฑิต สายวิไล กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามนอสตอค แอนด์ ไมโครแอลจี จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางบริษัทฯ จะนำสาหร่ายมุกหยกไปผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและพัฒนาต่อยอดสาหร่ายชนิดนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นสาหร่ายที่มีคุณค่าสูง ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน หรือ ไฟเบอร์ โดยเริ่มต้นจะจำหน่ายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารสด สามารถใช้ประกอบอาหารเหมือนผักสดทั่วไป และในอนาคตจะได้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารชนิดอื่นๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และขอรับบริการด้านสาหร่ายหรือจุลินทรีย์ ได้ที่ ศูนย์จุลินทรีย์ วว. โทรศัพท์ 02 577 9030 ในวันเวลาราชการ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net