กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--กระทรวงพลังงาน
“วรรณรัตน์” ยันใช้เวทีประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค แจงไทยยังน่าสนใจลงทุนด้านพลังงานทดแทนจากทั่วโลก หลังสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลาย มั่นใจไทยติด 1 ใน 4 ชาติที่โดดเด่นสุดในกลุ่ม เอเปคด้านการอนุรักษ์พลังงาน คาดหลังประชุมทวิภาคี ไทยได้ข่าวดีเพิ่ม หลังสหรัฐอาจจะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทดสอบวัสดุก่อสร้างเพื่อการประหยัดพลังงาน
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 18 — 20 มิถุนายน 2553 นี้ จะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าประชุมระดับรัฐมนตรีพลังงาน ร่วมกับ 21 ประเทศเขตเศรษฐกิจของชาติสมาชิกเอเปค จะเป็นการประชุมที่เน้นความร่วมมือของชาติสมาชิก เพื่อหาแนวทางนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจด้วยแนวคิดคาร์บอนต่ำ และจะเป็นเวทีซึ่งชาติสมาชิกจะได้ร่วมกับหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะในสาขาพลังงาน นอกจากนั้นจะมีกรอบการหารือที่สำคัญ ๆ เช่น แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน การส่งเสริมพลังงานทดแทน การสร้างความร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ ตลอดจนการเพิ่มการลงทุนด้านกิจการพลังงานสีเขียวที่ไม่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่กระทรวงพลังงาน จะได้ใช้เวทีการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปคในครั้งนี้ เพื่อสรุปเหตุการณ์ภายในประเทศ ให้แก่ชาติในสมาชิกเอเปคได้รับทราบข้อเท็จจริง ทั้งสถานการณ์การเมืองที่ได้คลี่คลายไปด้วยดีแล้ว รวมทั้งปัญหาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่มีทางออกที่ดีเช่นกัน ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ประเทศมหาอำนาจอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา พร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในสาขาพลังงานทดแทนอย่างแน่นอนแล้ว ทั้งด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ก๊าซชีวภาพ และเชื้อเพลิงชีวภาพ
นอกจากนี้ จากการนัดหมายไว้เบื้องต้น ประเทศไทยจะได้มีโอกาสหารือกับประเทศสหรัฐอเมริกา แบบทวิภาคี โดยเชื่อว่าจะมีการหารือในประเด็นที่ สหรัฐ ฯ สนใจและพร้อมจะให้การร่วมมือทั้งด้านงบประมาณ และการผลักดันให้ประเทศไทย ไปสู่ประเทศศูนย์กลางการทดสอบวัสดุก่อสร้างเพื่อการประหยัดพลังงาน อาทิ กระจก ฉนวนกันความร้อน เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคาร บ้านพักอาศัย
นายวรรณรัตน์ กล่าวเพิ่มว่า เวทีประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปคครั้งนี้ ประเทศไทยจะได้ประกาศถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งได้รับการยอมรับว่าติด 1 ใน 4 ชาติสมาชิกของเอเปค ที่มีแผนงานด้านอนุรักษ์พลังงานของประเทศที่โดดเด่น รวมทั้งแนวคิดการพัฒนาชุมชนสีเขียว ซึ่งสอดคล้องกับหลาย ๆ ประเทศที่จะผลักดันเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีการทำปฏิณญาร่วมกันเพื่อพัฒนาไปสู่ชุมชนต้นแบบที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย หรือ Apec low carbon model town ซึ่งเบื้องต้นจะมีประเทศไทย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการพัฒนาชุมชนสีเขียว ก่อนที่จะผลักดันไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มชาติสมาชิกเอเปค ภายในอนาคตต่อไป