กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--กรมสรรพสามิต
กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีเดือนพฤษภาคม 2553 กว่า 3.04 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 5.8 พันล้านบาท ส่งผลให้ในรอบ 8 เดือน ของปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม 2552 — พฤษภาคม 2553) จัดเก็บได้กว่า 2.72 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 7.67 หมื่นล้านบาท หรือ 39.15%
ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตประจำเดือนพฤษภาคม 2553 ว่า กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีได้รวม 30,488.86 ล้านบาท สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 3,935.54 ล้านบาท หรือ 14.82% (เดือนพฤษภาคม 2552 จัดเก็บได้ จำนวน 26,553.33 ล้านบาท) และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ จำนวน 5,806.53 ล้านบาท หรือ 23.53%
สำหรับรายได้ภาษีสรรพสามิตในเดือนพฤษภาคม 2553 ที่กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1)ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จัดเก็บได้จำนวน 11,939.30 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ จำนวน 3,189.75 ล้านบาท หรือ 36.46% 2)ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้จำนวน 5,248.68 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการจำนวน 1,733.57 ล้านบาท หรือ 49.32% 3)ภาษีเบียร์ จัดเก็บได้จำนวน 4,204.67 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อยจำนวน 9.83 ล้านบาท หรือ 0.23% 4)ภาษียาสูบ จัดเก็บได้จำนวน 4,160.03 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการจำนวน 828.51 ล้านบาท หรือ 24.87% และ 5)ภาษีสุรา จัดเก็บได้จำนวน 3,202.63 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการจำนวน 17.23 ล้านบาท หรือ 0.54%
“สาเหตุที่ภาษีเบียร์ และภาษีสุรา จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีเบียร์จากร้อยละ 55 ของมูลค่าเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่า ส่วนภาษีสุรา เกิดจากการกักตุนสุราผสมจำนวนมากก่อนปรับเพิ่มภาษี รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ จึงเป็นผลให้การจัดเก็บรายได้ของภาษีทั้งสองประเภทที่กล่าวมาข้างต้นต่ำกว่าประมาณการที่กำหนดไว้”
ดร.อารีพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการจัดเก็บรายได้เดือนพฤษภาคม 2553 ที่สูงกว่าเป้าหมายส่งผลให้รายได้ภาษีสรรพสามิตในรอบ 8 เดือนปีงบประมาณ 2553 จัดเก็บได้จำนวน 272,691.12 ล้านบาท สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 92,988.97 ล้านบาท (ตุลาคม 2551 — พฤษภาคม 2552 จัดเก็บได้จำนวน 179,702.14 ล้านบาท) และสูงกว่าประมาณการจำนวน 76,717.29 ล้านบาท หรือ 39.15% โดยภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จัดเก็บได้สูงสุด จำนวน 102,985.71 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้จำนวน 48,603.13 ล้านบาท อันดับสามได้แก่ ภาษีเบียร์ จัดเก็บได้จำนวน 41,636.25 ล้านบาท อันดับสี่ได้แก่ ภาษียาสูบ จัดเก็บได้จำนวน 35,251.42 ล้านบาท และอันดับที่ห้าได้แก่ ภาษีสุรา จัดเก็บได้จำนวน 29,670.78 ล้านบาท ตามตาราง ดังนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ประเภท
รายได้ (ล้านบาท) เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เปรียบเทียบปริมาณการชำระภาษี
ปี 2552 ปี 2553 จำนวน ร้อยละ ปี 2552 ปี 2553 ร้อยละ
1. ภาษีน้ำมันฯ 41,906.61 102,985.71 61,079.11 145.75 22,304.96 23,218.97 เพิ่มขึ้น 4.10
2. ภาษีรถยนต์ 32,054.34 48,603.13 16,548.79 51.63 297,726.00 439,745.00 เพิ่มขึ้น 47.70
3. ภาษีเบียร์ 34,784.04 41,636.25 6,852.21 19.70 1,348.20 1,312.63 ลดลง 2.64
4. ภาษียาสูบ 29,610.15 35,251.42 5,641.27 19.05 1,300.92 1,168.13 ลดลง 10.21
5. ภาษีสุรา 27,589.17 29,670.78 2,081.60 7.55 592.64 579.15 ลดลง 2.28
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“กรมสรรพสามิตคาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2553 การจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตจะเป็นไปตามประมาณการที่กระทรวงการคลังกำหนด คือ 366,000 ล้านบาท เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น” ดร.อารีพงศ์กล่าว
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกรม
กรมสรรพสามิต
โทร. 02 241 4778 Website: www.excise.go.th