เอชเอสบีซี เผยผู้จัดการกองทุนมองการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส มองเป็นกลางในตลาดพันธบัตร

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 10, 2010 08:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--เอชเอสบีซี ***ผู้จัดการกองทุนเกินครึ่งลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป*** ***ส่วนใหญ่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดพันธบัตร และไม่มีรายใดแนะถือเงินสด*** เอชเอสบีซี เผยผลสำรวจผู้จัดการกองทุนรายไตรมาส พบว่า ราว 1 ใน 5 หรือร้อยละ 20 ของผู้จัดการกองทุนลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นลงในไตรมาส 2/10 จากไตรมาสก่อนที่ราวครึ่งหนึ่งของผู้จัดการกองทุนแนะลงทุนในตลาดหุ้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมองเป็นกลาง ผลสำรวจในไตรมาส 2/10 พบว่า ผู้จัดการกองทุนปรับมุมมองการลงทุนในตลาดพันธบัตรเป็นกลางเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 75 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56 ในไตรมาส 1/10 และไม่มีรายใดที่แนะให้ถือเงินสด มร. บรูโน ลี ผู้อำนวยการบริหาร แผนกบริหารความมั่งคั่ง ฝ่ายบุคคลธนกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า “ผลสำรวจของเราระบุว่า ผู้จัดการกองทุนมองการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส เทียบกับช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และมองการลงทุนในตลาดพันธบัตรยังไม่น่าสนใจ เนื่องจากวิกฤตหนี้สินในตลาดยุโรปในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนแนะว่าการถือเงินสดไม่ใช่ทางเลือกที่ดี และจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น” ในไตรมาส 2/10 ผู้จัดการกองทุนมองการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่สดใสเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 75 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 60 ของไตรมาสก่อน และพบว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ แนะลงทุนในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก/ตลาดพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเพิ่มจากร้อยละ 38 ของไตรมาส 1/10 เป็นร้อยละ 88 ขณะที่ไม่มีรายใดเลยที่แนะให้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมตลาดญี่ปุ่น) แต่พบว่า กลุ่มสำรวจปรับมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น จากร้อยละ 30 ของไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ร้อยละ 63 ในไตรมาส 2/10 ผลสำรวจระบุว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 56) ของกลุ่มสำรวจลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่กลุ่มสำรวจที่เคยมองตลาดพันธบัตรยุโรปสดใส มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 50 เหลือเพียงร้อยละ 29 การลงทุนในสินทรัพย์ในอเมริกาเหนือยังคงน่าสนใจ โดยมีกลุ่มสำรวจเพียงร้อยละ 11 ที่ปรับลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ จากไตรมาส 1/10 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 20 และไม่มีรายใดเลยที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดพันธบัตรสหรัฐ เทียบกับร้อยละ 11 ของไตรมาสก่อน มร. ลี กล่าวว่า “นักลงทุนเริ่มคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และกำลังปรับแผนการลงทุนให้รวดเร็วทันกับความผันผวนที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับพอร์ตลงทุนให้สมดุล โดยรวมแล้วนักลงทุนยังคงระมัดระวัง และเน้นลงทุนในตลาดพันธบัตรที่กระจายความเสี่ยง และตลาดหุ้นในหลายภูมิภาค อย่างเช่นสหรัฐ และตลาดเกิดใหม่ ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มปรากฏชัดและมีเสถียรภาพมากขึ้น” การสำรวจความคิดเห็นของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกรวม 13 แห่ง1 ที่เอชเอสบีซี จัดทำเป็นรายไตรมาส ยังได้วิเคราะห์ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ (Fund under management: FUM) ความเห็นของผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดตราสารต่างๆ และกระแสเงินลงทุนทั่วโลก (Global money flows) โดยกระแสเงินลงทุนสุทธิ (Net money flow)2 คำนวณจากความเคลื่อนไหวของปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ เปรียบเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดตราสารประเภทเดียวกัน ณ สิ้นไตรมาส 1/10 ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการกองทุนที่ร่วมในการสำรวจ คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3.82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 16.5 ของปริมาณเงินลงทุนประมาณการที่มีอยู่ทั่วโลก3 ผลสำรวจระบุว่า ณ สิ้นไตรมาส 1/10 ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่า 35 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.93 จากไตรมาส 4/09 โดยกองทุนพันธบัตรมีปริมาณเงินไหลเข้าสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 65.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/10 ขณะที่กองทุนหุ้นเพิ่มขึ้น 36.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ กองทุนหุ้นและพันธบัตร และกองทุนอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมูลค่า 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ในขณะที่มีปริมาณเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุนตลาดเงินลดลงราว 82.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ กระแสเงินลงทุนสุทธิที่แยกผลกระทบจากความผันผวนต่าง ๆ ของตลาดออกจากปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารในช่วงไตรมาส 1/2010 จำแนกตามประเภทของตลาดตราสาร ดังนี้ กระแสเงินทุนสุทธิแสดงเป็นร้อยละของปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจำแนกตามตลาด ประเภทตลาด และตราสาร สิ้นไตรมาส 1/2010 สิ้นไตรมาส 4/2009 ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging markets equities) +5.6% +6.9% ตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ (North America equities) +3.0% +0.2% ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น (Asia Pacific ex-Japan equities) +1.9% +3.8% ตลาดหุ้นจีน (Greater China equities) +1.6% +3.3% ตลาดหุ้นทั่วโลก (Global equities) -5.8% 3.2% ตลาดหุ้นยุโรป รวมสหราชอาณาจักร (Europe including UK equities) +0.5% -3.9% ตลาดพันธบัตรทั่วโลก (Global bonds) +22.5% +8.0% ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง (High-yield/emerging markets bonds) +9.6% +5.6% ตลาดพันธบัตรสหรัฐอเมริกา (US bonds) -6.7% -2.3% ตลาดพันธบัตรยุโรป รวมสหราชอาณาจักร (Europe including UK bonds) -0.6% -6.6% เมื่อจำแนกการลงทุนตามประเภทตลาดในไตรมาส 1/10 พบว่า เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรทั่วโลกมากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 20.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 จากร้อยละ 8 ของไตรมาสที่ผ่านมา รองลงมา คือ ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง คิดเป็นมูลค่า 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 และตลาดหุ้นเกิดใหม่ มูลค่า 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 แต่ต่ำกว่าการเติบโตของไตรมาส 4/09 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.9 ขณะที่เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นจีน ชะลอตัวลงจาก 607 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 330 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/10 ซึ่งเป็นผลจากความอ่อนไหวด้านจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นจีน เอชเอสบีซี ได้จัดทำ HSBC Fund Flow Tracker ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสเงินลงทุนสะสมทั้งหมดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ไตรมาส 3/06 ซึ่งแสดงว่า มีกระแสเงินไหลออกจากกองทุนหุ้นในไตรมาส 1/10 คิดเป็นมูลค่า 12.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ไตรมาสที่ผ่านมา กลับมีกระแสเงินไหลเข้าสูงสุด มูลค่า 20.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกองทุนพันธบัตรยังคงมีกระแสเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 68.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/10 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 44.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 4/09 นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอเมริกาเหนือยังมีกระแสเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่า 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/10 ซึ่งมีมูลค่าสูงเกิน 16 เท่าของปริมาณเงินไหลเข้าในไตรมาส 4/09 ซึ่งอยู่ที่ 525 ล้านเหรียญสหรัฐ และคิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณเงินทุนไหลเข้าที่สูงที่สุดของตลาดในไตรมาส 1/07 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 12.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609 หรือ 0-2614-4606

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ