กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
ไลอ้อน ร่วมกับสถาบันยุวโพธิชน จัดโครงการซีเอสอาร์ภายใต้ชื่อ “ครอบครัวพระโพธิสัตว์” ส่งเสริมเยาวชนให้เข้าถึงความรู้และกิจกรรมที่สุจริต เพื่อพัฒนาครอบครัวและชุมชนให้มีความเอื้ออาทร เป็นสังคมแห่งผู้ให้และแบ่งปัน พร้อมทั้งเชิญชวนคนไทยเป็นผู้ให้ด้วยการเขียนข้อความดีๆ ประจำครอบครัวส่งมาที่ไลอ้อน ทุกข้อความมีมูลค่า 9-18 บาท นำไปสมทบทุนจัดโครงการครอบครัวพระโพธิสัตว์
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไลอ้อน เล็งเห็นคุณค่าของครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม หากครอบครัวเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ มีความเอื้ออาทร เกื้อกูล แบ่งปัน เสียสละ มีน้ำใจที่ดีงามต่อกัน สังคมก็จะสงบสุข เป้าหมายของบริษัท นอกจากการพัฒนาธุรกิจแล้ว อยากจะพัฒนาสังคมให้เป็นสังคมแห่งการให้และแบ่งปัน จึงได้ริเริ่มโครงการ “ครอบครัวพระโพธิสัตว์” ขึ้น ประกอบกับได้ทราบว่ากิจกรรมของสถาบันยุวโพธิชนของอาจารย์ประชา หุตานุวัตร เป็นโครงการที่ดี มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเยาวชนให้เข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ จึงมีแนวคิดร่วมกันในการต่อยอดโครงการยุวโพธิชน ด้วยการให้เยาวชนที่ได้รับการพัฒนาแล้ว กลับไปพัฒนาครอบครัวและชุมชนที่มีหัวใจเพื่อเพื่อนมนุษย์
โครงการครอบครัวพระโพธิสัตว์มีเป้าหมายที่จะพัฒนาสังคมให้น่าอยู่และยั่งยืน ด้วยหลักการที่ไม่ใช่เป็นการให้เงินทอง แต่เป็นการพึ่งตนเอง มุ่งเน้นการอบรมพัฒนา เพื่อปลูกฝังหัวใจพระโพธิสัตว์ (ผู้ให้) ให้กับครอบครัวและชุมชน โดยคนในครอบครัวหรือชุมชนนั้น เป็นผู้คิดแผนกลยุทธ์และวิธีการขึ้นมาแล้วนำไปปฏิบัติด้วยตนเอง
“โครงการครอบครัวพระโพธิสัตว์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไลอ้อนจัดขึ้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และผลักดันให้สังคมไทยเห็นว่าการทำธุรกิจควบคู่กับความดีนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ ซึ่งทุกคนมีส่วนช่วยสนับสนุนโครงการนี้ได้โดยเขียนข้อความดีๆ ประจำครอบครัวส่งมาที่ www.lioncompassionatefamily.com หรือตู้ ปณ.29 ปณฝ.สาธุประดิษฐ์ กรุงเทพฯ 10124 หรือกล่องรับข้อความที่ร้านค้าทั่วประเทศ ทุกข้อความมีมูลค่า 9-18 บาท โดยไลอ้อนจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เพื่อนำไปเป็นทุนในการดำเนินโครงการครอบครัวพระโพธิสัตว์ และได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีคนส่งข้อความเข้ามา 1 ล้านข้อความ คิดเป็นเงินมูลค่าอย่างน้อย 9 ล้านบาท” นายบุญฤทธิ์ กล่าว
นายประชา หุตานุวัตร ผู้อำนวยการสถาบันยุวโพธิชน มูลนิธิสัมมาชีพ กล่าวว่า สถาบันยุวโพธิชนและ ไลอ้อน จะทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมผู้นำเยาวชนให้เข้าถึงความรู้เกี่ยวกับแนวทางการประกอบอาชีพบนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต โดยในปีแรกมี 43 ครอบครัว 12 ชุมชน 2 โรงเรียน เป็นโครงการนำร่อง และจะดำเนินโครงการระยะยาวที่จะทำต่อเนื่อง มีการกำหนดตัวชี้วัดทั้งก่อนและหลังดำเนินการ
“เราคาดหวังว่าภายในปีแรก ไม่น้อยกว่า 80% ของครอบครัวหรือชุมชนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และจะติดตามต่อเนื่องเพื่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน จากนั้นจะขยายโครงการให้กว้างขวางและทั่วถึงต่อไป โดยระยะเวลาดำเนินโครงการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2553-10 มิถุนายน 2554” นายประชา กล่าว
สำหรับการประเมินผลโครงการจะพิจารณาทั้งทางด้านกระบวนการผลิต เช่น การพึ่งพาตนเอง มีการผลิตที่ปลอดภัยจากสารเคมี, ด้านการจัดการผลผลิต เช่น ผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน แลกเปลี่ยนกันในกลุ่ม ขายในชุมชน ขายนอกชุมชน, ด้านเศรษฐกิจ เช่น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และมีเงินออม, ด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ลดการไปรับจ้างต่างถิ่น มีการพูดคุยกันมากขึ้น, ด้านการเปลี่ยนแปลงของบุคคล เช่น มีการตระหนักถึงการพึ่งตนเอง ตระหนักถึงความรักความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชน ให้คุณค่าความสุขที่เกิดจากการให้ ไม่ใช่ความสุขที่เกิดจากวัตถุเพียงอย่างเดียว, ด้านพฤติกรรม เช่น ลดอบายมุข ลดการบ่นด่า มีการต่อยอดความรู้ มีความรู้ความชำนาญในสิ่งที่ทำ เป็นต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
อุษณีย์ ถาวรกาญจน์
บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทร. 0 2354 3588 อีเมล : usanee@incom.co.th