กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ธนาคารธนชาต
ธนาคารธนชาต ซื้อหุ้น ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) ได้แล้ว 99.24% พร้อมขอถอนหุ้นSCIB ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน ตลท. เพื่อให้เป็นไปตามแผนการรวมกิจการระหว่างกัน
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ ธนาคารธนชาต ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) จากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมดเป็นการทั่วไป ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 32.50 บาท ระหว่างวันที่ 29 เมษายน — 9 มิถุนายน 2553 นั้น ทำให้ ณ ปัจจุบันธนาคารธนชาต ถือหุ้นอยู่ใน ธนาคารนครหลวงไทยอยู่ 99.24%
และเพื่อให้เป็นไปตามแผนการรวมกิจการระหว่างกัน รวมถึงการควบรวมเป็นไปด้วยความราบรื่น มติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารธนชาต และคณะกรรมการธนาคารนครหลวงไทย เห็นสมควรให้ธนาคารนครหลวงไทย ทำการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน ตลท. และเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ ธนาคารนครหลวงไทย จึงกำหนดวันประชุมชี้แจง (Presentation) ให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการเพิกถอนหุ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2553 พร้อมทั้งกำหนดวันประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2553 ในวันที่ 5 สิงหาคม 2553 ซึ่งภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น SCIB อนุมัติให้ทำการเพิกถอนหุ้น รวมทั้ง ตลท.ได้อนุมัติคำขอการเพิกถอนหุ้นแล้ว ธนาคารธนชาตจะทำการเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) ของธนาคารนครหลวงไทยอีกครั้ง ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน 2553
สำหรับเหตุผลและข้อเท็จจริงของการขอถอนหุ้นสามัญออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ได้แก่
1. ธนาคารนครหลวงไทยได้มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นโดยมีธนาคารธนชาต เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และภายหลังจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมดเป็นการทั่วไป (Tender Offer) สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2553 ธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มีแผนที่จะดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ของธนาคารนครหลวงไทยออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและรวมธุรกิจระหว่างธนาคารธนชาต กับธนาคารนครหลวงไทย และเมื่อการโอนกิจการเสร็จสิ้นแล้วธนาคารนครหลวงไทย จะดำเนินการชำระบัญชีเพื่อปิดกิจการและธนาคารธนชาต จะดำเนินการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ของธนาคารนครหลวงไทยให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป
2. ธนาคารธนชาต ได้ทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารนครหลวงไทย จากผู้ถือหุ้นทั้งหมดตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ.53/2545 เรื่อง หลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์ ในกรณีที่บุคคลใดมีการได้มาหรือเป็นผู้ถือหุ้นจนถึงจุดที่ต้องทําคำเสนอซื้อหลักทรัพย์บุคคลดังกล่าวต้องทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ (Mandatory tender offer) ซึ่งธนาคารธนชาตได้ดําเนินการจัดทําคําเสนอซื้อในระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2553 — วันที่ 9 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา และภายหลังสิ้นสุดการทําคําเสนอซื้อในวันที่ 9 มิถุนายน 2553 ทำให้ธนาคารนครหลวงไทยไม่สามารถดำรงคุณสมบัติของการเป็นบริษัทจดทะเบียนในเรื่องการกระจายการถือหุ้นรายย่อย ซึ่งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 150 ราย และผู้ถือหุ้นดังกล่าวต้องถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ทั้งนี้ ธนาคารธนชาต ไม่มีความประสงค์ที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารนครหลวงไทยลง
3. ธนาคารนครหลวงไทย มีผลประกอบการและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะใช้หมุนเวียนภายในธนาคารและเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการระดมเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ หากธนาคารมีความจําเป็นต้องการระดมเงินทุนในอนาคต ธนาคารสามารถจัดหาจากแหล่งเงินทุนอื่นได้