ทริสเรทติ้งคงเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. บ้านปู” ระดับ “AA-/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 11, 2010 08:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดถ่านหินในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนความหลากหลายของแหล่งถ่านหินและฐานลูกค้า ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และรายได้เงินปันผลที่มั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้าของบริษัท ในการพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงนโยบายของบริษัทในการกลับมาให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจถ่านหินมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ผันผวนและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียและจีนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิต แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทบ้านปูจะดำเนินนโยบายการขยายธุรกิจอย่างระมัดระวังและสามารถรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้แม้จะมีการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อสร้างการเติบโตตามแผนงาน เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้าจะเป็นแหล่งกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอสำหรับบริษัท นอกจากนี้ ราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบ้านปูเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานรายใหญ่ในเอเซีย โดยก่อตั้งในปี 2526 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตถ่านหินในประเทศไทย บริษัทมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีแหล่งถ่านหินอยู่ในประเทศอินโดนีเซียและจีน นอกจากนี้ บริษัทยังขยายการลงทุนสู่ธุรกิจไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและจีนด้วย ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจถ่านหินของบริษัทสร้างกำไรคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ามีสัดส่วนกำไร 20% เมื่อพิจารณาในแง่ของการกระจายตัวของธุรกิจในแต่ละประเทศ บริษัทมี EBITDA จำนวน 23,687 ล้านบาทในปี 2552 โดยมาจากการดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย 77% และส่วนที่เหลือ 23% มาจากประเทศจีน ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปริมาณการผลิตถ่านหินของกลุ่มบ้านปูในปี 2552 (ไม่รวมประเทศจีน) มีจำนวนรวมทั้งหมด 21.4 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่มาจากเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทยังคงเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่อันดับ 4 ในประเทศอินโดนีเซียด้วยส่วนแบ่งการผลิตจำนวน 7.7% ของปริมาณการผลิตถ่านหินรวมของประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ปริมาณสำรองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียของบริษัทที่ระดับ 294 ล้านตัน ถือว่ามากพอและสามารถรองรับการผลิตได้นานถึง 14 ปี บริษัทบ้านปูมีผลกำไรจากการดำเนินงานสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2552 โดยมีกำไรสุทธิ 14,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปี 2551 ราคาถ่านหินตามสัญญาขายถ่านหินระยะยาวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 14% เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้รายได้รวมของบริษัทเติบโตถึง 15% เป็น 57,865 ล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจในประเทศจีนยังให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากการประหยัดจากขนาด และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 43% เป็น 2,717 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นผลจากราคาขายถ่านหินตามสัญญาระยะยาวที่ปรับลดลงตามราคาถ่านหินที่ลดลงอย่างมากในตลาดโลกในช่วงปี 2552 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปี 2553 บริษัทมีปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 6.2 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากสภาพอากาศในอินโดนีเซียที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตและการขยายพื้นที่เหมืองถ่านหินตั้งแต่กลางปี 2552 แม้จะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการหยุดผลิตของเหมืองโจร่ง (Jorong) ในประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2553 จะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากปริมาณการผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองเกาเหอ (Gaohe) ในประเทศจีน และราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ในเดือนพฤษภาคม 2553 บริษัทบ้านปูได้ซื้อหุ้นในสัดส่วน 14.9% (58.83 ล้านหุ้น) ใน Centennial Coal Co., Ltd. (CEY) ประเทศออสเตรเลีย ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 4.8 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ด้วยเงินลงทุนรวม 282 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (8,345 ล้านบาท) การลงทุน ดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจและเป้าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานในเอเซียและจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจถ่านหินเป็น 85% ของกำไรสุทธิรวมจากระดับปัจจุบันที่ 70% นอกจากนี้ ยังจะช่วยกระจายแหล่งถ่านหินของบริษัทให้หลากหลายยิ่งขึ้นในอนาคต ธุรกิจไฟฟ้ายังคงให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยในปี 2552 บริษัทได้รับเงินปันผลจำนวน 3,154 ล้านบาทจากการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าซึ่งประกอบด้วยการถือหุ้น 50% ใน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด และ14.99 % ใน บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้กำไรจากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนอีกจำนวน 591 ล้านบาทในปี 2552 ด้วย ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทบ้านปูมีแผนลงทุนมูลค่า 466 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระหว่างปี 2553-2558 สำหรับดำเนินธุรกิจปัจจุบันและมีกำหนดชำระคืนเงินกู้ปีละ 4,500-6,500 ล้านบาทในระหว่างปี 2553-2555 ซึ่งคาดว่าจะมาจากกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทที่มีจำนวนประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพิ่มเติมในกรณีที่มีการลงทุนหรือมีการซื้อกิจการขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50% ตามนโยบายของบริษัท โดย ณ เดือนมีนาคม 2553 บริษัทมีเงินกู้รวม 31,071 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 35% บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ AA- อันดับเครดิตตราสารหนี้:BP109A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ AA- BP10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ AA- BP10NB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ AA- BP111A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ AA- BP125A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ AA- BP145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ AA- BP15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ AA- BP165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ AA- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ