กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--ก.ล.ต.
จากการที่ ก.ล.ต. สั่งการให้ บริษัทสยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) (“SGF”) แก้ไขงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2549 ในรายการบัญชีที่ผู้สอบบัญชีเห็นว่าไม่ถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป กรณีการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้สินเชื่อ มูลค่า 500 ล้านบาท เป็นรายได้ในงบกำไรขาดทุน และล้างบัญชีลูกหนี้สินเชื่อ 7 ราย และเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจาก บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) (“EWC”) ออกจากงบดุล โดยให้ SGF นำส่งงบการเงินที่แก้ไข และผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชี ต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 8 มกราคม 2550 นั้น
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2550 SGF มีหนังสือขอขยายระยะเวลานำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขออกไปอีก 15 วัน เป็นภายในวันที่ 23 มกราคม 2550 โดยให้เหตุผลว่า ช่วงที่ผ่านมามีวันหยุดต่อเนื่องในเทศกาลปีใหม่ และอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดของงบการเงินให้สอดคล้องกับแนวทางที่ ก.ล.ต. กำหนด ก.ล.ต. พิจารณาแล้ว และแจ้งให้ SGF เร่งแก้ไขงบการเงินให้ถูกต้องภายในกำหนดที่ขอมา ซึ่งการจัดทำงบการเงินไม่เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปมีบทลงโทษตามมาตรา 274 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีโทษปรับรายวันตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ก.ล.ต. ขอย้ำถึงเหตุผลที่สั่งให้ SGF แก้ไขงบการเงินดังกล่าว เนื่องจากตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป บริษัทจะสามารถล้างบัญชีเจ้าหนี้ออกได้เมื่อบริษัทได้รับการปลดจากความรับผิดชอบต่อหนี้สิน โดยทางกฎหมายหรือโดยเจ้าหนี้แล้ว ส่วนการล้างบัญชีลูกหนี้สินเชื่อนั้น จะสามารถล้างได้เมื่อบริษัทได้โอนความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่เป็นสาระสำคัญในลูกหนี้สินเชื่อให้แก่ผู้รับโอนแล้ว แต่กรณีนี้ มีข้อเท็จจริงว่า ยังมีคดีพิพาทในศาลเกี่ยวกับการชำระหนี้ของ SGF อยู่ ทำให้ SGF ไม่สามารถล้างเจ้าหนี้และลูกหนี้ออกได้ตามหลักการบัญชีดังกล่าว
ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ไม่แสดงข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรต้องแจ้ง หรือทำให้ผู้ลงทุนสำคัญผิด เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนให้ได้รับความเป็นธรรม การสั่งการให้ SGF แก้ไขงบการเงินให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป จึงเป็นการดำเนินการภายใต้ขอบอำนาจที่ ก.ล.ต. มีอยู่โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ