กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--ก.ไอซีที
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แถลงนโยบายการดำเนินงานภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัด ว่า การเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ดูแลใน 4 เรื่อง คือ 1.ความสุจริต 2.การผลักดันธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 3.การจัดการเว็บไซต์ที่กระทบต่อความมั่นคงและสถาบัน และ4.ปัญหาสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม ส่วนการมอบนโยบายการดำเนินงานในวันนี้ ได้วางกรอบนโยบายกว้างๆ ให้กระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดไปปฏิบัติก่อน ขณะที่นโยบายเฉพาะของแต่ละหน่วยงานจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการศึกษารายละเอียดของแต่ละหน่วยงาน ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมเพื่อมอบนโยบายต่อไป โดยได้วางเป้าหมายการดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ไว้ในกรอบ 1 ปี และจะวางแผนการดำเนินงานเป็นขั้นๆ ขั้นละ 4 เดือน ซึ่งหากแผนงานใดสามารถแล้วเสร็จได้เร็วก็จะผลักดันให้สำเร็จภายใน 4 เดือน พร้อมกันนี้ยังได้ให้แต่ละหน่วยงานร่วมกันกำหนดตัวชี้วัดความคืบหน้าในการดำเนินงานแต่ละสัปดาห์เพื่อผลักดันให้งานมีความก้าวหน้าเร็วขึ้น
“สำหรับเป้าหมายการบริหารงานที่ตั้งไว้นั้น จะมุ่งผลักดันงานด้านไอทีประมาณ 70% และเน้นที่งานด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะส่งเสริมให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ซึ่งจะพยายามผลักดันให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี รวมถึงจะมีการดึงบจ.ไปรษณีย์ไทย มาร่วมดำเนินการทั้งในระบบขนส่ง ระบบชำระเงินอันจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัท และหากดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เชื่อว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 100,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายการบริหารงานอีก 30% จะเป็นงานด้านการสื่อสาร” นายจุติ กล่าว
พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้มอบนโยบายการดำเนินการกับเว็บไซต์ที่กระทบต่อสถาบันใน 2 แนวทาง คือ 1.เว็บไซต์ ที่มีการเผยแพร่ข้อความ บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งเอาผิดตามกฎหมายได้ยาก จะดำเนินการโดยใช้อาสาสมัครเยาวชน หรือ Cyber Scouts ซึ่งรับสมัครผ่านทางศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน มาดำเนินการโพสต์ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้ข้อเท็จจริงผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น รวมทั้งช่วยเฝ้าระวังการเผยแพร่ข้อความหมิ่นต่างๆ เพื่อแจ้งต่อกระทรวงฯ ด้วย แนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างความผูกพันให้เด็กเยาวชนเกิดความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และรู้จักการทำประโยชน์เพื่อสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยในเบื้องต้นจะเปิดรับเยาวชนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตั้งแต่ ม.4- ม.6 ก่อน และกำหนดให้เริ่มดำเนินการได้ประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคม 2553 โดยแนวทางนี้ได้มอบหมายให้นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ส่วนแนวทางที่ 2 เป็นการดำเนินการกับเว็บไซต์เข้าข่ายหมิ่นสถาบันที่มีความผิดชัดแจ้งสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย จะดำเนินการโดยการปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดด้วย ซึ่งได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ รับผิดชอบดำเนินการ
ส่วนนโยบายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้วางแนวทางการคัดเลือกปลัดกระทรวงฯ คนใหม่ภายหลังจากนายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงฯ คนปัจจุบันเกษียณอายุราชการ โดยได้ให้ผู้บริหารระดับสูงเสนอตัวและทำผลงานแข่งขันกันเพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังได้วางนโยบายลดการใช้กระดาษลงประมาณ 30% หรือเท่าที่จะทำได้ภายใน 1 เดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2553 และรัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้เปิดอีเมล์แอดเดรส yeswecan555@hotmail.com เพื่อรับข้อมูล ข้อร้องเรียน หรือข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นจากสื่อมวลชนและข้าราชการด้วย
นอกจากนั้นยังได้มอบนโยบายให้กรมอุตุนิยมวิทยาและสำนักงานสถิติแห่งชาติ ยกระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งให้ปรับปรุงการนำไอทีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของหน่วยงานแทนการเพิ่มจำนวนบุคลากร ตลอดจนเร่งรัดให้สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พัฒนาซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ได้มากขึ้น
สำหรับรัฐวิสาหกิจในสังกัดได้มอบนโยบายถนนไร้สาย หรือ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตให้กระจายเข้าถึงในทุกตำบล หรือขยายไปให้ถึงทุกหมู่บ้าน โดยมอบหมายให้บมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทีโอที รับผิดชอบในการดำเนินงาน ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้งว่าจะดำเนินการได้เมื่อไร โดย ทีโอที แจ้งว่าจะพร้อมดำเนินการใน 6 เดือน ขณะที่ กสทฯ จะพร้อมดำเนินการใน 1 เดือน ส่วนความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็น 2 Mbps หรือ 4 Mbps แต่ราคาค่าบริการต้องเป็นธรรมและประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งอาจจะประมาณชั่วโมงละ 150 บาท พร้อมกันนี้ยังได้มอบนโยบายให้ทั้งสองหน่วยงานยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารงานด้วย
ส่วนเรื่องสัญญาสัมปทานนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กำหนดกรอบเวลาการรายงานสรุปผลความเสียหายจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือของ ทีโอที และ กสทฯ รวมทั้งการแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมไว้ภายใน 3 สัปดาห์หรือ 21 วัน โดยให้แต่ละหน่วยงานรายงานสรุปความเสียหาย ตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้รวมรายงานการแก้ไขสัญญาจากคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 22 และแนวทางการดำเนินการแก้ไขที่เสร็จสมบูรณ์ส่งให้ด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ จะได้นำข้อมูลที่ได้ไปหารือกับกระทรวงการคลังบนพื้นฐานข้อเท็จจริง เพื่อสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และผลักดันให้การแก้ไขสัญญาสัมปทานต่างๆ มีความถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งเกิดประโยชน์กับภาครัฐมากที่สุด พร้อมกันนี้จะนำประเด็นดังกล่าวหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป
“ผมหวังว่าในช่วง 1 ปีนี้ จะพยายามผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งผลักดันโครงการถนนไร้สายหรือบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด ตลอดจนผลักดันการพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สให้สามารถใช้งานได้มากยิ่งขึ้น” นายจุติ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 MICT