กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--ดับเบิลอิมแพค มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์
ฤดูกาลบอลโลกมาถึงพร้อมกับหนุ่ม ๆ ออฟฟิศที่มาทำงานพร้อมขอบตาดำคล้ำ ตัวอยู่ออฟฟิศแต่สมองยังไม่ลุกออกจากที่นอน ตกบ่ายเผลอนั่งสัปงกทั้งที่ต้องรีบทำงานนำเสนอเจ้านาย
พญ. เรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์ แผนกประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 เปิดเผยว่า “ คนเราควรจะนอนตอนกลางคืน แล้วตื่นเช้า การทำสลับกันจะทำให้ต่อมไพเนียล เริ่มสร้างฮอร์โมนไม่สม่ำเสมอ ทำให้อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิ สมองและระบบประสาททำงานได้ไม่เต็มที่ การสั่งงานของสมองช้า การทำงานประสานระหว่างมือ และตาจะเหมือนกับผู้ที่ได้รับสารพิษ ทำให้เกิดอันตรายในการขับรถ นอกจากนี้ยังทำให้ขี้กังวล ไตทำงานหนักขึ้น ท้องผูก ภูมิต้านทานต่ำ ป่วยง่ายขึ้น และหายช้าลง ”
ถึงแม้จะรู้ว่าดูบอลโลกแมตช์ตีหนึ่งครึ่งแล้วจะเพลียไปทั้งวัน แต่คอบอลก็ยังต้องขอชมให้เต็มแมทช์ คุณหมอแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ให้ไม่ต้องไปนั่งสัปงกในออฟฟิศว่า
“การนอนของคนเรานั้นเป็นรอบ ( Sleeping Cycle ) ซึ่ง 1 รอบกินระยะเวลาประมาณ 90 — 110 นาที ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละคน และแต่ละวันก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในวันนั้น และสิ่งที่ได้รับ เช่น การดื่มกาแฟ แอลกอฮอลล์ การออกกำลังกาย และความเครียด
การนอนช่วงดูบอลโลก ควรจะนอนให้ครบรอบการนอน เช่น ถ้าวันนี้จะต้องตื่นตี 1 ก็ควรนอนหลับไปให้ครบ 1 รอบก่อน แล้วค่อยนอนอีกครั้งเมื่อดูบอลจบตอนประมาณตี 3 แต่ถ้านอนหลายรอบการนอนมากเกินไปก่อนตื่นขึ้นมาดูบอล อาจส่งผลให้นอนไม่หลับเมื่อดูบอลจบ
แนวทางคร่าว ๆ ในการนอนที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียน้อยที่สุดในช่วงดูบอลโลก
ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการดูแมตช์ช่วงตี 1 อาจจะเข้านอนตอน 5 ทุ่ม - 5 ทุ่มครึ่ง แล้วตั้งนาฬิกาปลุก"ไว้เพื่อตื่นขึ้นมาดูฟุตบอลตอนตี 1 แล้วค่อยนอนต่อตอนตี 3 แต่ถ้าตื่นไม่ไหวก็ไม่ควรฝืน ควรนอนต่อเนื่องไปเลย
อย่างไรก็ดี การนอนแบบนี้ก็ยังทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่นเท่ากับการนอนต่อเนื่องตามปกติ และการนอนแบบนี้ไม่ได้ทำให้สดชื่นในตอนเช้า ดังนั้นจึงควรหาเวลางีบหลับในตอนกลางวัน ( ไม่เกิน 30 นาที - 1 ชั่วโมง ) ซึ่งจะช่วยลดความอ่อนล้า และง่วงนอนได้
ที่สำคัญควรนอนให้มีคุณภาพ หลับให้สนิท ห้องนอนต้องมืดสนิท อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้น ไม่ควรฟังวิทยุ หรือเปิดทีวีทิ้งไว้ เนื่องจากจะทำให้สมองตื่นตัว และนอนในห้องนอนที่อุณหภูมิเย็นกำลังสบาย ไม่ร้อน หรือหนาวเกินไป
เทคนิคช่วยให้นอนหลับสนิท
1. ที่นอนไม่แข็ง หรือนุ่มเกินไป สะอาด ไม่มีกลิ่นอับชื้น
2. เสื้อผ้าที่หลวมกำลังสบาย เนื้อผ้านิ่มใส่สบาย ไม่รัด หรือทำให้ร้อนเกินไป
3. ปิดไฟ และผ้าม่านให้ห้องมืดสนิท
4. ห้องนอนควรเป็นห้องที่เงียบสนิท ไม่มีเสียงจากรอบ ๆ ดังรบกวนการนอน
5. เสียงภายในห้องนอน อุปกรณ์บางอย่างในห้องนอน อาจส่งเสียงรบกวนการนอนได้ เช่น นาฬิกา เตียงนอนที่ส่งเสียงเอี๊ยดเมื่อขยับตัว เครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมที่ดังเกินไป ฯชฯ
6. กลิ่นสะอาดสดชื่น ไม่ควรนอนในที่ที่มีกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นกับข้าวฟุ้งอยู่ทั่วห้อง หรือถ้าชอบกลิ่นหอมอาจใช้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยของไทย เช่น มะลิ กระดังงา ฯลฯ
7. ควรนอนในห้องนอนที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ทำได้ง่าย ๆ โดยการเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ให้ลมพัดผ่าน และเปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรค และช่วยแก้ปัญหากลิ่นอับชื้นได้ดี
8. ไม่ควรดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนในช่วงเย็น เนื่องจากคาเฟอีนอาจตกต้างในร่างกายได้นานถึง 16 ชั่วโมง
วิธีดังกล่าวไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง โรคหัวใจวาย ฯลฯ เพราะอาจส่งผลต่อชีวิตได้ ถ้าทำอย่างต่อเนื่องการนอนที่ดีที่สุดคือการหลับสนิทอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 — 8 ชั่วโมง ไม่ควรนอนด้วยวิธีดังกล่าวเป็นประจำ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
โดย พญ.เรขา กลลดาเรืองไกร
จิตแพทย์ แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อได้ที่
วรรณภา ประจงศักดิ์
บริษัท ดับเบิลอิมแพค มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
โทร 0 2769 2000 ต่อ 5302, 5303, 081 458 4747
อีเมล์ : doubleimpact_w@yahoo.com