กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
สายการบินเอมิเรตส์ (www.emirates.com) สายการบินนานาชาติประจำประเทศดูไบได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A380 เพิ่มอีก 32 ลำ ซึ่งส่งผลให้จำนวนยอดสั่งซื้อเครื่องบินยักษ์รุ่นนี้ของเอมิเรตส์รวมเป็นจำนวนถึง 90 ลำในศตวรรษที่ 21 นี้ ซึ่งจำนวนเครื่องบินทั้งหมดที่สั่งซื้อเพิ่มคิดเป็นมูลค่า 11.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือ และ มร. ทอม เอนเดอร์ส ประธานและผู้บริหารสูงสุดของแอร์บัสได้ร่วมลงนามในสัญญาสั่งซื้อครั้งนี้ที่งาน เบอร์ลิน แอร์โชว์ โดยมีแองเจลา เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี พร้อมแขกผู้มีเกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน
“ยอดสั่งซื้อเครื่องบินล่าสุดรวมกับยอดที่สั่งซื้อก่อนหน้าจำนวน 58 ลำยืนยันถึงความมุ่งมั่นของสายการบินแอมิเรตส์เพื่อเป็นสายการบินผู้ให้บริการการบินชั้นนำของโลก และสร้างเสริมให้ดูไบเป็นเมืองสำคัญที่เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางทางอากาศทั่วโลก เครื่องบินแอร์บัส A380 นับเป็นต้นแบบของเครื่องบินที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย พร้อมเปี่ยมด้วยนวัตกรรม และประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ทันสมัย อีกทั้งยังเป็นเครื่องบินเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นเครื่องบินที่ออกแบบมาเพื่อรายได้ที่คุ้มต้นทุนมากยิ่งอีกด้วย ความมุ่งมั่นของเราในครั้งนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของเอมิเรตส์ในการเติบโตของธุรกิจการบินเนื่องจากเราสร้างฝูงบินเพื่อการเติบโตในอนาคตข้างหน้า” ชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือกล่าว
ทอม เอนเดอร์ส กล่าวว่า “เอมิเรตส์ได้มีส่วนส่งเสริมการพัฒนาเครื่องบิน A380 มาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งได้มีระดมบุคลากรชั้นเยี่ยมหลายหมื่นคนทั่วยุโรปเพื่อการพัฒนานี้ และในความเห็นของผมการสั่งซื้อเพิ่มในวันนี้นับเป็นสุดยอดแห่งข้อตกลงทางธุรกิจ ในฐานะตัวแทนของแอร์บัส เราขอขอบคุณสายการบินเอมิเรตส์สำหรับการสนับสนุนที่มีให้เรา เครื่องบิน A380 นี้ถือเป็นเครื่องบินรุ่นที่มีความโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการบินเชิงนิเวศ พร้อมทั้งความคุ้มค่าต่อต้นทุนสำหรับสายการบิน และยังให้ประสบการณ์การเดินทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้โดยสาร”
เอมิเรตส์ สายการบินใหญ่อันดับสองของโลกในด้านจำนวนที่นั่งต่อกิโลเมตรกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากยอดการสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มเติมในครั้งนี้ส่งผลให้ปัจจุบันสายการบินเอมิเรตส์มียอดสั่งซื้อเครื่องบินรวม 143 ลำ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 4.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยเครื่องบินที่สั่งซื้อประกอบไปด้วยเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 48 ลำ แอร์บัส A350 จำนวน 70 ลำ โบอิ้ง 777-300 จำนวน 18 ลำ และ เครื่องบินโบอิ้งอีก 7 ลำสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศ ในปีที่อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สายการบินเอมิเรตส์กลับสร้างผลกำไรได้เป็นรอบปีที่ 22 ที่ 964 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือสูงขึ้นถึง 416 เปอร์เซ็นต์จากปีงบประมาณ 2551-2552 ซึ่งอยู่ที่ 187 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากการส่งมอบเครื่องบิน A380 ครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 2551 และการรับมอบเครื่องบิน A380 ลำที่ 10 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2553 จากโรงงานผลิตเครื่องบินของแอร์บัสที่เมืองฮัมบูร์ก สายการบินเอมิเรตส์ได้นำเครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้ที่ได้รับการส่งมอบดังกล่าวมาให้บริการใน 8 เส้นทางทั่วโลกประกอบไปด้วย ลอนดอน ฮีทโธรว์, โตรอนโต, ปารีส, เจดดาห์, กรุงเทพฯ, โซล, ซิดนีย์ และโอ๊คแลนด์ และจะเปิดให้บริการเครื่องบิน A380 ไปยังกรุงปักกิ่งตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ และแมนเชสเตอร์ ในวันที่ 1 กันยายนนี้ และจะเครื่องบินรุ่นดังกล่าวกลับไปให้บริการที่สนามบินจอห์น เอฟ เคเนดี้ (เจเอฟเค) ที่นิวยอร์คในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ สายการบินเอมิเรตส์มุ่งที่จะขยายจุดหมายปลายทางไปยังกว่า 100สนามบินทั่วโลกเมื่อได้รับการส่งมอบเครื่องบิน A380 เพิ่มเติม
สื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วรางคณา พวงศิริ / ภัสยานันท์ ตรีนาพิวัฒน์
สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
โทรศัพท์: 0-2653-2717-9 โทรสาร 0-2653-2720
อีเมล์: warangkana@spark.co.th, juujee@spark.co.th
เว็บไซต์: www.emirates.com/th