กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--กรมการค้าต่างประเทศ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศคำสั่งที่ 2007/27/EC ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 เรื่องการกำหนดปริมาณสารตกค้างสูงสุดของยากำจัดศัตรูพืชในสินค้าอาหารจำพวกผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2550 เป็นต้นไป โดยประเทศสมาชิกจะต้องปรับระเบียบระดับชาติให้สอดคล้องกับคำสั่งฉบับนี้ภายในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 เป็นอย่างช้า การปรับปริมาณสารตกค้างสูงสุดของยากำจัดศัตรูพืชดังกล่าว เกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ดังนี้
1. กำหนดปริมาณสารตกค้างของยา Tolyfluanid ในสินค้าเนื้อสัตว์ ซึ่งรวมเนื้อสัตว์ปีก (0.1 mg/kg) ปรากฏในภาคผนวก II ของคำสั่งคณะกรรมาธิการยุโรปที่ 2007/27/EC
2. กำหนดปริมาณสารตกค้างของยาประเภท Etoxazole, Indozacard as sum of the isomer S and R, Tolyfluanid, MCPA และ MCPB ในสินค้าผักและผลไม้ ซึ่งครอบคลุมสินค้าส้มโอ มะพร้าว มะม่วง สับปะรด ข้าวโพดหวาน และหน่อไม้ฝรั่ง ภาคผนวก III
สาร Maximum levels in mg/kg
ผลไม้ ผัก
Etoxazole 0.02-2 0.02-0.1
Indozacard 0.02-1 0.02-2
Tolyfluanid 0.05-5 0.05-50
MCPA และ MCPB 0.05 0.05-0.1
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปอียูในปี 2546-2549 เฉลี่ยปีละ 13,000 ล้านบาท โดยในปี 2549 ส่งออกมูลค่า 16,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16 ในส่วนของสินค้าผักสดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เฉลี่ยปีละ 12,000 ล้านบาท (ปี 2546-2549) โดยในปี 2549 ไทยมีมูลค่าส่งออก13,724.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 16.25 การประกาศระเบียบสารตกค้างดังกล่าว มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ไปยังสหภาพยุโรป
ดังนั้น จึงควรให้ความสนใจและระมัดระวังต่อข้อกำหนดการจำกัดปริมาณสารตกค้างต่างๆในสินค้าของตนเพื่อป้องกันการถูกกักกันสินค้ากรณีตรวจพบสารอันตรายเกินปริมาณที่กำหนด ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจตามระบบเตือนภัยสินค้าอาหาร (Rapid Alert System for Food and Feed: RASFF) และหากมีการส่งสินค้ากลับหรือทำลายสินค้านั้น ผู้ประกอบการอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สามารถดาวน์โลดระเบียบว่าด้วยการกำหนดปริมาณสารตกค้างสูงสุดของยากำจัดศัตรูพืชในสินค้าอาหารจำพวกผักผลไม้และเนื้อสัตว์ได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.moc.go.th หรือเว็บไซต์ http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/site/en/oj/