กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานมีพื้นที่ประสบภัยแล้งรวม 12 จังหวัด 83 อำเภอ 583 ตำบล 5,568 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,672,124 คน 479,525 ครัวเรือน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยแล้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจกจ่ายน้ำอุปโภคและบริโภคจำนวน 70,542,224 ลิตร พร้อมเร่งซ่อมสร้างทำนบ ฝายกั้นน้ำ และขุดลอกแหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยแล้ง
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึง สถานการณ์ภัยแล้ง ว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง รวม 12 จังหวัด 83 อำเภอ 583 ตำบล 5,568 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,672,124 คน 479,525 ครัวเรือน ประกอบด้วย ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ลำปาง ลำพูน รวม 30 อำเภอ 177 ตำบล 1,452 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 494,643 คน 153,221 ครัวเรือน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา มหาสารคาม บุรีรัมย์ ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ รวม 53 อำเภอ 406 ตำบล 4,116 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,177,481 คน 326,304 ครัวเรือน คาดว่าพื้นที่การเกษตรจะได้รับความเสียหาย รวม 1,922,651 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 1,322,783 ไร่ นาข้าว 165,154 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 434,714 ไร่ โดยมีพื้นที่เกษตรกรได้รับความเสียหายแล้ว จำนวน 145,284 ไร่ ในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ นครพนม หนองคาย ร้อยเอ็ด เลย กาญจนบุรี ราชบุรี กระบี่ และตรัง หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 8 — 14 มิถุนายน 2553 ซึ่งมีพื้นที่ประสบภัยแล้งรวม
12 จังหวัด 102 อำเภอ 726 ตำบล 6,731 หมู่บ้าน พบว่า ฝนที่ตกเป็นบริเวณกว้างส่งผลให้จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆลดลง 1,163 หมู่บ้าน
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ในเบื้องต้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ 479 คัน แจกจ่ายน้ำอุปโภค บริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยแล้ง จำนวน 70,542,224 ลิตร ซ่อมทำนบและฝายกั้นน้ำ 1,352 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 166 แห่ง ทั้งนี้ จากการติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า อาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน — กรกฎาคม 2553 ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จึงขอเตือนประชาชนให้ร่วมกันประหยัดน้ำ ไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้ง รวมถึงหมั่นตรวจสอบรอยรั่วซึมของก๊อกน้ำ ท่อประปา หากรั่วไหลให้จัดการซ่อมแซมทันที ตลอดจนตรวจสอบภาชนะกักเก็บน้ำให้สามารถใช้การได้ดี เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ ส่วนเกษตรกร ให้ติดตามสถานการณ์น้ำ แผนการจัดสรรน้ำ สภาพอากาศ รวมถึงปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่อย่างใกล้ชิด จะได้วางแผนการเพาะปลูกได้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ สภาพอากาศ และกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงจัดหาแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ในภาวะวิกฤติ หากอาศัยอยู่ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ให้เลือกปลูกพืช อายุสั้นที่ใช้น้ำน้อยแทนการทำนา โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาให้เลื่อนการทำนาปีออกไปประมาณหนึ่งเดือน เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2243-2200 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปภ.