ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์มอบนโยบายออนไลน์ การศึกษา คือ ชีวิต ทั้งชีวิต..เราดูแล

ข่าวทั่วไป Friday June 18, 2010 13:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียน โรงเรียนในสังกัด กทม. เพื่อมอบนโยบายด้านการศึกษาประจำปี 2553 ตามโครงการ “การศึกษา คือ ชีวิต ทั้งชีวิต...เราดูแล” ในลักษณะการประชุมออนไลน์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ถ่ายทอดสดผ่าน website http://live.bmasmartschool.com/livebma/ เพื่อให้ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 436 โรงเรียน ร่วมชมการออนไลน์ พบปะสนทนา กับผู้ว่าฯ กทม.ไปพร้อมๆ กัน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีความมุ่งมั่นพัฒนาการศึกษากรุงเทพมหานครให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น ตามนโยบายด้านการศึกษาในการเสริมสร้างกรุงเทพฯให้เป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง ด้วยนโยบายการศึกษาที่ทำได้จริง มีคุณภาพมาตรฐาน พร้อมพัฒนาองค์ความรู้อย่างครอบคลุมทั้งในและนอกห้องเรียน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ซึ่งจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวตลอด 1 ปี เศษที่ผ่านมา ปรากฏผลสำเร็จเป็นรูปธรรมทุกโรงเรียนได้รับการประเมินคุณภาพมาตรฐานจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ.และกว่า 95% ได้รับการรับรองคุณภาพในการประเมินรอบที่ 2 ที่ผ่านมา ส่งเสริมด้านคุณธรรมและจริยธรรม เน้นใช้เวลาว่างเกิดประโยชน์ สำหรับการดำเนินการนโยบายการศึกษาตามโครงการ “การศึกษา คือ ชีวิต ทั้งชีวิต...เราดูแล” นั้น กทม.ได้ส่งเสริมด้านคุณธรรมและจริยธรรม ศาสนาและวัฒนธรรม ด้วยการจัดการเรียนการสอนวิถีพุทธหรือวิถีธรรมตามบริบทของโรงเรียน นอกจากนี้ยังได้ดำเนินโครงการศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนา จำนวน 28 โรงเรียน สอนอิสลามศึกษา จำนวน 80 โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนใช้เวลาว่างในวันหยุดให้เกิดประโยชน์และนำหลักธรรมไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ โดยประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มจำนวนศูนย์พระพุทธศาสนา จากเดิมที่มีอยู่ 39 ศูนย์ใน 22 เขต เป็น 67 ศูนย์ ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต เล็งแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นเปิดสอนหลักสูตรโตไปไม่โกง เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กทม.ได้จัดทำหลักสูตร “โตไปไม่โกง(Anti-corruption)” สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลและประถมศึกษา โดยมุ่งเน้นการปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่สอดคล้องกับการป้องกันและแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งในภาคเรียนแรกของปีการศึกษา 2553 เริ่มจากชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 280 โรงเรียน และจะขยายให้ครอบคลุมทุกชั้นเรียนในปีการศึกษานี้เพื่อให้เกิดการจัดกระบวนการเรียนรู้ในการปลูกฝังคุณค่าหรือค่านิยมที่เป็นการป้องกันการคอร์รัปชั่นได้ เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ความกล้าหาญยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ฯลฯ ภายใต้แนวคิดส่งเสริมให้นักเรียนกรุงเทพมหานคร “โตไปไม่โกง” ขยายโรงเรียนเรียนร่วมเปิดโอกาสเด็กพิเศษ เป็น 100 โรง ในปี 53 นอกจากนี้ กทม.ได้ส่งเสริมการศึกษาให้เด็กพิเศษเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยเพิ่มจำนวนโรงเรียนเรียนร่วมที่สามารถจัดให้เด็กพิเศษได้มีโอกาสเรียนร่วมกับเด็กปกติ จากเดิมที่มีอยู่ 74 โรงเรียน ในปีการศึกษา 2551 เป็น 100 โรงเรียน ในปีการศึกษา 2553 พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากร ครูผู้สอนให้ได้รับการศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อประสิทธิภาพในการสอน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในรูปแบบการจัดการเรียนร่วม พัฒนาเด็กกทม.เก่งหลายภาษาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน กทม.ได้ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพื่อพัฒนานักเรียนในสังกัดให้มีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะด้านการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยจัดให้ทุกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษตามหลักสูตรและเพิ่มการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นการสื่อสารโดยครูชาวต่างประเทศให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงชั้นเรียนสูงสุดของแต่ละโรงเรียนผ่านโครงการเรียนฟรี เรียนดี อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ได้มีการจัดการเรียนการสอนภาษาอื่นๆ ด้วย อาทิ ภาษาจีน ภาษาอาหรับ ภาษาสเปน และภาษาญี่ปุ่น ส่งเสริมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในปีการศึกษา 2553 ทุกโรงเรียนจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมเพื่อรับชมรายการของสถานีวิทยุการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาสาระต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยขณะอยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษคาดว่าภายในเดือนหน้าจะเริ่มดำเนินการติดตั้งและอบรมแนวทางการใช้การศึกษาดาวไกลผ่านดาวเทียม ติดกล้อง CCTV ดูแลความปลอดภัยให้แก่นักเรียน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่นักเรียนทั้งเรื่องการเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนอันตรายอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กทม.จะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ให้ครบทั้ง 435 โรงเรียนภายในปีนี้ โดยติดตั้งกล้องตามขนาดโรงเรียน คือ โรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 10 จุด ขนาดกลาง 12 จุด และขนาดใหญ่ 16 จุด นอกจากนี้ได้มีการจ้างยามรักษาความปลอดภัยมาดูแลความปลอดภัยของนักเรียนในเวลากลางวัน และดูแลทรัพย์สินในเวลากลางคืนด้วย ต่อเนื่องโครงการว่ายน้ำเป็นเล่นน้ำปลอดภัยทุกระดับชั้น โครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัย เป็นโครงการที่จัดให้นักเรียนได้เรียนว่ายน้ำ ซึ่งเดิมให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หรือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้เรียนคนละ 1 หลักสูตร โดยในปีการศึกษา 2553 กทม.ได้เพิ่มงบประมาณให้นักเรียนในสังกัดตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 — ป.6 ทุกคนมีโอกาสได้เรียนว่ายน้ำคนละ 2 ปี ต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกว่ายน้ำเบื้องต้น สามารถช่วยเหลือตัวเองและเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ