กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--บลจ.อเบอร์ดีน
สถานการณ์ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงปลายเดือนจากสาเหตุหลักของความกังวลที่เนื่องมาจากวิกฤตทางด้านงบประมาณในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่บานปลายมาจากปัญหาหนี้สินภาครัฐของกรีซ รวมถึงสถานการณ์ทางการเงินที่เลวร้ายลงในโปรตุเกสและสเปน การลดลงอย่างหนักของตลาดหุ้นส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือน เมื่อกรีซตอบรับที่จะตัดงบประมาณของตนลงอย่างรุนแรงเพื่อแลกกับการได้รับวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นจำนวน 136 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯจากบรรดาประเทศผู้นำในสหภาพยุโรป นอกจากนี้หุ้นในส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจที่ให้บริการแก่กิจการขุดเจาะบ่อน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งของสหรัฐฯต่างพากันปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคม หลังจากความพยายามของ บริติช ปิโตรเลียม ที่ยังไม่เป็นผลสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ในการควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันปริมาณมหาศาลในอ่าวเม็กซิโก ที่เกิดจากการระเบิดของแท่นขุดเจาะของ บีพี นอกชายฝั่งมลรัฐหลุยเซียนา
ตลาดหุ้นของสหรัฐฯดูเหมือนจะได้รับผลประโยชน์จากปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรปโดย ดัชนี เอส แอนด์ พี 500 ของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นมากที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นที่เป็นตลาดหลักของโลกนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตและหันมาถือครองทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯซึ่งส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯแขงค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร อย่างไรก็ตามแม้สหรัฐฯจะแสดงสัญญาณของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ก็มีปัญหาในแบบเดียวกันกับทางยุโรป โดยมีปัญหาการขาดดุลงบประมาณในระดับสูงซึ่งจะต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมากในการเยียวยา แต่กระนั้นระบบการคลังของสหรัฐยังสามารถป้องกันไม่ให้สหรัฐฯมีปัญหาค่าเงินตกต่ำเหมือนในยุโรป และสามารถดำเนินงานตามนโยบายที่สอดคล้องกัน และปฎิรูปโครงสร้างของระบบอย่างที่ต้องการได้มากกว่า
แนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
การรั่วไหลของน้ำมันลงทะเลมีความเป็นไปได้มากว่าจะสร้างกระแสขึ้นทั่วภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียและลงลึกไปในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซอย่างทั่วถึง ซึ่งอาจนำพามาซึ่งความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ จนสุดท้ายอาจบานปลายไปเป็นหายนะของบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่การสอบสวนหาสาเหตุของการระเบิดของแท่นขุดเจาะรวมถึงการชำระล้างและควบคุมคราบน้ำมันในทะเลยังคงดำเนินต่อไปประธานาธิบดีโอบามาในนามของรัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศขยายระยะเวลาระงับโครงการขุดเจาะนอกชายฝั่งใหม่ๆ พร้อมทั้งเสนอเพิ่มกฎระเบียบและข้อห้ามมากขึ้นในอนาคต ทำให้มีทางเป็นไปได้ว่ากิจการสำรวจแหล่งก๊าซธรารมชาตินอกชายฝั่งและห่างไกลในทะเลลึกจะกลายเป็นประเด็นของสาธารณะไปอีกนาน อเบอร์ดีนมีความเห็นว่าการระงับการสำรวจแหล่งพลังงานในทะเลลึกทั้งหมดจะสร้างความยุ่งยากในระยะยาว เนื่องจากข้อมูลของกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯระบุว่าสหรัฐฯนำเข้าน้ำมันวันละ 11.5 ล้านบาร์เรลทุกวัน ซึ่งสูงกว่า 60% ของความต้องการน้ำมันต่อวันของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามแม้ปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกจะสร้างประเด็นร้อนขึ้นในช่วงนี้ เรารู้สึกได้ว่าสหรัฐฯก็ยังคงต้องทำการค้นหาแหล่งพลังงานอื่นๆต่อไป หากรัฐบาลปิดกิจการขุดเจาะในบริเวณอ่าวเม็กซิโกและพื้นที่อื่นๆในสหรัฐฯที่ยังมีการขุดเจาะอยู่ในปัจจุบันลง สหรัฐฯก็จะต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันมากขึ้น เราเชื่อว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สหรัฐฯก็จะต้องพบกับปัญหาที่รุนแรงกว่านี้ตามมา เช่นการอ่อนค่าลงของเงินเหรียญสหรัฐฯและความเสี่ยงที่สูงขึ้นทางการเมืองและเศรษฐกิจในตะวันออกกลางที่อาจตกอยู่ในภาวะที่ไร้เสถียรภาพ โดยปัจจุบันสหรัฐฯนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางเกินกว่าครึ่งหนึ่งของการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดของสหรัฐฯ
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในสภาวะการฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินในช่วงปี 2551 — 2552 สหรัฐฯยังมีจุดอ่อนในการแบกรับต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น เนื่องจากประเทศต่างๆมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งทำให้อุปสงค์ของพลังงานและ ราคาสูงขึ้น ในความเห็นของอเบอร์ดีน ต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน จะเป็นปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะแบกรับการขึ้นราคาของพลังงานได้มากนัก และหากราคาน้ำมันปรับตัวเทียบเท่าช่วงเวลาในปี 2551 อีกครั้ง เราเชื่อว่าผู้บริโภคก็คงจะต้องลดการบริโภคพลังงานที่อยู่ในระดับสูงมากแล้วลงมาในที่สุด
ทั้งหมดนี้มีความหมายอะไรสำหรับนักลงทุน แม้ในขณะนี้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมพลังงานอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การสำรวจค้นหาแหล่งน้ำมันและพลังงานจะยังคงดำเนินต่อไป เพราะปัจจุบันเรายังมีพลังงานทางเลือกอื่นๆน้อยมาก ในขณะที่การบริโภคน้ำมันของสหรัฐฯยังคงมากกว่าการผลิตได้เองในประเทศ เรารู้สึกว่าราคาหุ้นของกลุ่มธุรกิจพลังงานที่ปรับลดลงในช่วงก่อนหน้านี้กลับเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพ สูงในราคาที่น่าลงทุนมากขึ้น ดังนั้น เราจึงยังคงเชื่อมั่นในอนาคตระยะยาวของบริษัทต่างๆที่เราลงทุน ซึ่งหลายบริษัทเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งในธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมครบวงจรด้านน้ำมันและก๊าซ รวมถึงธุรกิจจัดสร้างเครื่องมืออุปกรณ์และให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ
สาเหตุของปัญหา
ปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ทำให้สหรัฐฯเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น ถ่านหิน น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ) และหันมาพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกให้มากขึ้น เช่น พลังงานงานนิวเคลียร์ พลังงานน้ำ และพลังงานแสงอาทิตย์ จากข้อมูลล่าสุดของกรมข้อมูลด้านพลังงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯในระหว่างปี 2516 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการณ์พลังงานครั้งแรกในสหรัฐ ถึงปี 2552 การผลิตน้ำมันภายในประเทศของสหรัฐฯลดลงอย่างรุนแรงถึง 42% ในขณะที่การบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้นปานกลาง ส่งผลให้สหรัฐฯต้องนำเข้าน้ำมันมากขึ้นเกือบเท่าตัว ความแตกต่างของอุปสงค์และอุปทานของพลังงานมีทางเป็นไปได้สูงที่จะยิ่งเพิ่มขึ้นกว่านี้หากไม่มีการพัฒนาการผลิตถ่านหินและพลังงานทดแทนให้เพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว เรารู้สึกว่าการขยายกิจกรรมสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งของสหรัฐฯเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการคลังของสหรัฐฯเอง เนื่องจากยังมีแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆไม่เพียงพอในอนาคตที่พอมองเห็นได้
การผลิตพลังงานภายในประเทศของสหรัฐฯยังคงลดลงต่อไป
ในขณะที่การบริโภคพลังงานขยายตัวเพิ่มขึ้น....
ที่มา: กรมข้อมูลพลังงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ, ข้อมูลประจำเดือนมิถุนายน 2553
MONTHLY COMMENTARY
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
โทรศัพท์: +66 2352 3388
โทรสาร: +66 2352 3389
อีเมล์: client.services.th@aberdeen-asset.com
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด
อาคารบางกอกซิตี้ทาวเวอร์ ชั้น 28
เลขที่ 179 ถนนสาทรใต้
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
www.aberdeen-asset.co.th
ข้อมูลสำคัญ
อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ (“เอเอเอ็ม”) เป็นชื่อทางการตลาดในสหรัฐฯสำหรับบริษัทในกลุ่มอเบอร์ดีน ที่เป็นที่ปรึกษาทางการลงทุนที่จดทะเบียนแล้วในชื่อต่อไปนี้ — อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ อิงค์, อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ อินเวสต์เมนท์ เซอร์วิสเซส ลิมิเต็ด, อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ ลิมิเต็ด และ อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ เอเชีย ลิมิเต็ด (ทั้งหมดรวมเรียกว่า “ที่ปรึกษาอเบอร์ดีน”) ที่ปรึกษาอเบอร์ดีนในชื่อบริษัทต่างๆล้วนมี อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ พีแอลซี เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของทุกบริษัท ส่วนชื่อ “อเบอร์ดีน” เป็นชื่อของธุรกิจบริการในสหรัฐฯที่จดทะเบียนแล้วของ อเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ พีแอลซี
บทความแนวโน้มในที่นี้มีเจตนาเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรนำไปพิจารณาว่าเป็นการเสนอขายหรือการชี้ชวน ให้ทำการซื้อขายกองทุนใดๆที่กล่าวถึงในที่นี้ เอเอเอ็ม ไม่ได้รับประกันความถูกต้อง ความเหมาะสม หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลและเนื้อหาที่มีในเอกสารนี้ จึงปฎิเสธที่จะรับผิดชอบต่อความผิดพลาดหรือความบกพร่องของข้อมูลและเนื้อหาดังกล่าวอย่างชัดเจน
ข้อมูลบางส่วนในเอกสารนี้อาจมีการคาดการณ์หรือมีคำบรรยายล่วงหน้าถึงสถานการณ์หรือผลการดำเนินงานทางการเงินของประเทศ ตลาดตราสาร หรือบริษัทใดๆก็ตาม เหล่านี้เป็นการทำนายเท่านั้นและเหตุการณ์จริงหรือผลที่ตามมาอาจจะไม่ตรงกับคำบรรยายล่วงหน้าเหล่านั้นในสาระสำคัญ ผู้อ่านจะต้องใช้วิจารณญาณของตนเองในการประเมินความเชื่อถือได้ ความถูกต้อง และความเหมาะสมของข้อมูลที่มีในเอกสารนี้ และทำการตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้นด้วยตนเอง ตามที่จำเป็นหรือเห็นสมควรกับเจตนาในการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว
ความเห็นหรือการประเมินใดๆที่มีในเอกสารนี้จัดทำขึ้นตามหลักการทั่วไป ผู้อ่านไม่ควรจะนำไปใช้เป็นคำแนะนำ ทั้ง เอเอเอ็ม และตัวแทนของ เอเอเอ็ม ไม่ได้พิจารณาหรือสืบหาวัตถุประสงค์การลงทุน สถานะการเงิน หรือความต้องการเป็นพิเศษของผู้อ่านคนใด หรือบุคคลใดรวมถึงกลุ่มบุคคลใดๆ ดังนั้นจึงไม่มีการรับประกันหรือรับผิดชอบแต่อย่างใดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ที่เป็นผลมาจากการที่ผู้อ่านคนใด หรือบุคคลใดรวมถึงกลุ่มบุคคลใดๆ ดำเนินการตามข้อมูล ความเห็น หรือการประเมินใดๆก็ตามที่มีอยู่ในเอกสารนี้
เอเอเอ็ม สงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงและแก้ไขความเห็นที่เผยแพร่ในเอกสารนี้ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก