กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
คกก. พิจารณางบปี 54 เสนอเพิ่มจำนวนคู่สาย 1555 และกำชับเจ้าหน้าที่ห้ามเปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน พร้อมแนะวางแผนรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. เน้นให้ประชาชนเห็นถึงประโยชน์และผลเสียหากไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางรัก เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เพื่อประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โดยมีนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารสำนัก ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 3-6 สภากรุงเทพมหานคร
เสนอเพิ่มจำนวนคู่สาย 1555 และกำชับเจ้าหน้าที่ห้ามเปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน
ทั้งนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการฯ ไม่มีการเสนอขอตัดรายการที่สำนักปลัดกรุงเทพมหานครเสนอขอมาแต่อย่างใด มีเพียงบางหน่วยงานที่ได้รับการเสนอแนะให้แยกหมวดรายการที่เสนอขอมาให้ชัดเจน รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา พร้อมกันนี้คณะกรรมการได้ตั้งข้อสังเกตหน่วยงานกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ควรดำเนินการเพิ่มจำนวนคู่สายรับเรื่องร้องทุกข์ สายด่วนกทม. โทร. 1555 เนื่องจากพบว่าให้บริการที่ผ่านมายังประสบปัญหาและอุปสรรค ยังไม่ได้รับความพึงพอใจจากประชาชนในการให้บริการเท่าที่ควร เช่น ต้องรอสายเป็นเวลานานหรือแก้ไขปัญหาไม่ทันกับความต้องการ รวมทั้งทำการฝึกอบรมและทำความเข้าใจในหลักการปฏิบัติงาน ที่สำคัญไม่ควรเปิดเผยชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องเรียน ซึ่งจะทำให้ประชาชนรู้สึกไม่รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
แนะวางแผนรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เสนอแนะหน่วยงานกองประชาสัมพันธ์ ควรวางแผนการรณรงค์และกำหนดแผนประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภาเขต ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 22 ก.ค. 53 เพื่อทำความเข้าใจให้กับผู้มาใช้สิทธิ อีกทั้งควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงหน้าที่และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้น
ในส่วนของสำนักงานปกครองและทะเบียนควรประชุมเตรียมการเลือกตั้งร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกกับประชาชน นอกจากนี้ในส่วนบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดในขณะนี้พบว่ามีไม่เพียงพอ โดยฝ่ายทะเบียนสำนักงานเขตทำการออกบัตรเหลืองแทนบัตรสมาร์การ์ดให้กับประชาชน ซึ่งสามารถใช้แทนบัตรจริงได้ จำนวน 120 วัน นับจากวันออกบัตร ทั้งนี้ผู้บริหารควรประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อรับบัตรสมาร์ทการ์ดในการนำมาให้บริการประชาชน