กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลการจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ของ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ( มหาชน) ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการดำรงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ตราสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จัก ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในการสร้างบ้านที่มีคุณภาพ และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนตัวลงอันเนื่องมาจากอุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว ทั้งนี้ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงยังเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” เป็นผลมาจากการที่โครงสร้างธุรกิจของบริษัทขึ้นอยู่กับตลาดบ้านเดี่ยวซึ่งอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตอาจเปลี่ยนเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นสู่ระดับปกติ แต่หากผลการดำเนินงานของบริษัทถดถอยลงอีก บริษัทก็อาจถูกปรับลดอันดับเครดิตในอนาคต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์เป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยของไทยมาเป็นเวลายาวนาน บริษัทก่อตั้งในปี 2526 โดยตระกูลอัศวโภคินซึ่งถือหุ้นในบริษัท 30.4% ณ เดือนมีนาคม 2550 ตามด้วย Government of Singapore Investment Corporation (GIC) 12.7% ยอดขายบ้านเดี่ยวคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของยอดขายรวมของบริษัทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อีก 10% มาจากการขายทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียม ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากตราสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักและชื่อเสียงที่ดีในตลาดที่อยู่อาศัย ตลอดจนการควบคุมสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการบริหารจัดการการก่อสร้างที่ดี
เนื่องจากยอดขายของบริษัทมากกว่า 90% มาจากบ้านเดี่ยว บริษัทจึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากการชะลอตัวของตลาดบ้านเดี่ยว โดยยอดขายรวมของบริษัทในปี 2549 จำนวน 17,620 ล้านบาทเป็นยอดขายในส่วนของบ้านเดี่ยว 16,887 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าลดลง 16% เมื่อเทียบกับปี 2548 ในขณะที่จำนวนบ้านลดลง 20% ซึ่งลดลงน้อยกว่าตลาดบ้านเดี่ยวจัดสรรที่ลดลงถึง 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่ายอดขายของบริษัทจะฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2550 แต่กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงลดลงประมาณ 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2549 ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ถึงแม้ว่ายอดขายและความสามารถในการทำกำไรจะลดลง แต่ฐานะการเงินโดยรวมของบริษัทยังคงแข็งแรง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 อยู่ที่ระดับ 37.8% ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 40.7% ณ สิ้นปี 2549 เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุนจัดซื้อที่ดินปีละประมาณ 2,500 ล้านบาทและเงินลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าปีละ 1,700 ล้านบาท ระดับเงินกู้ของบริษัทอาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 40%-50% ในช่วงปี 2551-2553
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปี 2550 บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 9 โครงการในระดับราคาเฉลี่ยต่อหลังสำหรับบ้านและต่อยูนิตสำหรับคอนโดมิเนียมที่ 4.2 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาปานกลางมากขึ้น โดยภายในสิ้นปี 2550 โครงการบ้านและอพาร์ทเมนต์ให้เช่าจะเปิดให้บริการได้ อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการให้เช่าทั้ง 2 แห่งยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับยอดขายบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้น 43% ในธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ซึ่งในระยะแรกเน้นให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดย 70% ของสินเชื่อทั้งหมดเป็นการปล่อยกู้ให้ลูกค้าในกลุ่มบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นอกจากนี้ บริษัทยังเสนอเงื่อนไขเงินกู้ให้ลูกค้าเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธนาคารเพิ่งเริ่มดำเนินกิจการได้เพียง 1 ปี ดังนั้นความสำเร็จของธนาคาร รวมทั้งผลกระทบที่จะมีต่อบริษัทยังต้องติดตามต่อไป
ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง ถึงแม้ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะบรรเทาลง แต่ทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงปี 2550-2551