กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์
AP เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่อายุ 3 ปี 6 เดือน มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท โดยมอบให้ธนาคารไทยพาณิชย์พันธมิตรที่แข็งแกร่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน พร้อมเปิดให้ผู้ถือหุ้นกู้เดิมรุ่น AP107A จองก่อนใคร 5-7 ก.ค.นี้
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 3 ปี 6 เดือนของบริษัท จำนวนรวม 1,000,000 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท มูลค่าหุ้นกู้รวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.5 ต่อปี ตลอดอายุหุ้นกู้ และจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน กำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะให้สิทธิผู้ถือหุ้นกู้เดิมรุ่น AP107A จองซื้อก่อน ในช่วงวันที่ 5 — 7 กรกฎาคม โดยจัดสรรตามลำดับการจองซื้อ และหากมีหุ้นกู้เหลือจากการจองซื้อจะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นกู้ AP ทุกรุ่น และผู้ลงทุนอื่นๆ ในระหว่างวันที่ 12 — 13 กรกฎาคม และระหว่างวันที่ 15 — 16 กรกฎาคม ตามลำดับ ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 1,500 ล้านบาท รวมถึงเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวอีกด้วย
บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ตลอดจนตราสินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมในเมือง รวมถึงความยืดหยุ่นในการบริหารงานซึ่งทำให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาโครงการให้เป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมได้อย่างทันเหตุการณ์
สำหรับในปี 2553 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ มูลค่ารวม 27,630 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวมและกำไรสุทธิในอัตราที่สูงที่สุด หากเทียบกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยสามารถสร้างรายได้รวมมากถึง 6,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 123.8% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2,722 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิสูงถึง 1,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.3% จาก 407 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มากถึง 15,677 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่า 2,600 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 13,077 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2556 ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นได้ถึงการวางแผนการดำเนินงานที่แม่นยำ ตลอดจนความแข็งแกร่งและการรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทที่นำมาสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02-261-2518-22 ต่อ 304