กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--การเคหะแห่งชาติ
นายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ เปิดเผยถึง ผลการจัดงาน “มั่นคงในที่อยู่อาศัย มั่นใจในการเคหะแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 11-20 มิถุนายน ที่ผ่านมา สถานการณ์การขายค่อนข้างดีสามารถทำยอดขายภายในงานได้ถึง 6,637 หน่วย ส่วนใหญ่โครงการยอดฮิต ประกอบด้วย โครงการบ้านเอื้ออาทรสุวรรณภูมิ ( วัดสีวารีน้อย ) , โครงการบ้านเอื้อฯ บางนา ก.ม.16 , โครงการบ้านเอื้อฯ บางพลี สมุทรปราการ , โครงการบ้านเอื้อฯ เสมาฟ้าคราม และโครงการบ้านเอื้ออาทร ร่มเกล้า ส่วนถ้านับตั้งแต่วันที่ 1-20 มิถุนายน ขายได้ 8,026 หน่วย โดยในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาทาง กคช. ขายให้ได้มากกว่า 10,000 หน่วย
“ โดยเฉพาะบ้านเอื้ออาทร ถือว่าผลตอบรับดีมาก เนื่องจากว่าบ้านที่เราขายเป็นบ้านที่ 1. สร้างเสร็จแล้วแกะกล่องใหม่เลย และเป็นบ้านที่ธนาคารยึดคืนมา และนำมาขาย ซึ่งการตอบรับที่ดีมาจาก 2 เหตุผล คือ 1. เหตุผลที่การเคหะจะทำการปรับราคาขายบ้าน 55 โครงการ ในวันที่ 1 ก.ค. ที่จะถึงนี้ และ 2. เกิดจากบ้านของเราสร้างเสร็จแล้ว และช่วงนี้ไม่มีคู่แข่งไม่มีใครขาย ตลอดจนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงทำให้เราได้รับการตอบรับเรื่องยอดขายเป็นอย่างดี เพราะมีการกระตุ้นมาจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้การเคหะรับเงินรับทองในช่วงนี้มากเพราะเราสามารถยื่นส่งโพสกับสถาบันการเงินได้เลย คิดว่าภายใน 1 เดือนลูกค้าที่ซื้อบ้านทุกคนก็จะได้เข้าอยู่เลย หลังจากแบงก์อนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว ”นายศิริโรจน์ กล่าว และว่า
สำหรับมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่จะสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในเรื่องของค่าธรรมเนียมโอน และค่าจดจดจอง จาก 0.01 % ก็กลับไปอยู่ 2 และ 1 ตามลำดับ ส่งผลกระทบต่อ กคช. เล็กน้อยแต่ไม่มาก เพราะ กคช. ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ในเรื่องนี้มานานแล้ว เพราะว่าในขณะนี้เมื่ออสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น ก็ต้องช่วยเหลือรัฐบาลในเรื่องของภาษีที่จะให้รัฐบาลสามารถนำเงินภาษีไปใช้ในการพัฒนาประเทศได้ ส่วนนี้เป็นส่วนไม่มากนัก รัฐบาลก็มาช่วยยูนิตละ 80,000 แล้ว สำหรับบ้านเอื้ออาทร และการเคหะแห่งชาติช่วงนี้ก็ได้เร่งรัดลูกค้าที่ครบ 5 ปี และพวกที่จ่ายเงินสดเองก็เร่งให้โอน อาทิ โครงการประชานิเวศ , โครงการบางพลี เพื่อให้เร่งการโอนโดยเร็วก็จะสามารถช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายไปได้บางส่วน โดยทั้งหมดที่เราแจ้งไปประมาณ 5,000 รายเศษ