กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--กรมธนารักษ์
ดร.มั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้กรมธนารักษ์นำที่ราชพัสดุไปใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า โดยเร่งดำเนินการจัดหาที่ดินของรัฐช่วยเหลือชุมชนและหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชนผู้ไร้ที่ทำกินและมีรายได้น้อย เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเรื่องโฉนดชุมชน รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านประเมินราคาที่ดินให้สะท้อนราคาตลาด เพื่อรองรับการประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน 2553) ณ กรมธนารักษ์ ดร.มั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาตรวจเยี่ยมกรมธนารักษ์ พร้อมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ โดยเน้นที่ภารกิจหลักของกรมธนารักษ์ ได้แก่ การบริหารจัดการที่ราชพัสดุ การประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ การผลิตและบริหารเหรียญกษาปณ์ และการอนุรักษ์ เผยแพร่ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน
ดร.มั่น พัธโนทัย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา และใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารที่ราชพัสดุเพื่อให้มีการนำที่ดินของรัฐไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และเต็มศักยภาพทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตามโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ โครงการขอคืนที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่ โครงการนำที่ดินราชพัสดุมาสนับสนุนการปลูกพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงาน โครงการรัฐเอื้อราษฎร์ โครงการบ้านมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อต้องการนำที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่มาบริหารจัดการให้กับเกษตรกรไว้เป็นที่ดินทำกิน และให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยไว้เป็นที่อยู่อาศัย ตลอดจนการวางแนวทางและมาตรการเพื่อพัฒนาปรับปรุงระบบฐานข้อมูลที่ราชพัสดุให้เป็นปัจจุบัน ได้แก่ การพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) การสำรวจรังวัด การจัดทำแผนที่ การปักหลักเขต และการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนในการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
ดร.มั่น กล่าวต่ออีกว่า งานด้านการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ก็มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการประกาศใช้พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการนำไปใช้เป็นฐานคำนวณภาษี เพื่อนำรายได้จากภาษีส่วนหนึ่งไปใช้ในการดำเนินงานเกี่ยวกับธนาคารที่ดินตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น จึงได้กำชับให้มีการประเมินที่ดินให้สะท้อนราคาตลาดมากที่สุด และครบทั่วประเทศที่มีทั้งหมด 30 ล้านแปลง ก่อนจะมีการประกาศใช้ราคาประเมินรอบใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2555
สำหรับการผลิตและบริหารเหรียญกษาปณ์ ให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อให้เหรียญมีคุณภาพ สวยงาม ได้มาตรฐาน ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมและมีเพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงการพัฒนาระบบการจำหน่ายจ่ายแลกเหรียญให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ดังนั้น จึงได้เร่งรัดการจัดสร้างศูนย์กระจายเหรียญกษาปณ์ (Hub) เพื่อให้เข้าถึงการบริการไปยังส่วนภูมิภาค นอกจากนั้น ได้ให้กรมธนารักษ์หาแนวทางและจัดทำโครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินให้ประชาชนและเยาวชนได้รับรู้อย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างจิตสำนึกให้เกิดความภาคภูมิใจในมรดกของชาติ