กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--ปภ.
ศปถ. เปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมฯ ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วง 7 วันระวังอันตราย (วันที่ 11 — 17 เม.ย 50) ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนร่วมกันลดอุบัติเหตุทางถนน เข้มงวดจับกุมรถกระบะบรรทุกคน และเอาผิดกับพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ปล่อยบุตรหลานออกไปเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน ให้บริการเอกสาร Radio Pool ตามจุดตรวจต่างๆ ทั่วประเทศ ประสานให้รถบรรทุกหยุดวิ่งตั้งแต่บ่ายวันที่ 11 — 15 เม.ย. 50 และหยุดซ่อมทาง เพื่อคืนผิวจราจรให้สัญจรได้สะดวก
นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) คนที่ 1 ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ฯ เปิดเผยว่า ศปถ. ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2550 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และในระดับพื้นที่ ณ จังหวัด 75 จังหวัด อำเภอ และ กิ่งอำเภอ 877 แห่ง เพื่ออำนวยการและประสานการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในพื้นที่ และเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บในช่วง 7 วันระวังอันตราย ระหว่างวันที่ 11 — 17 เม.ย. 50 เพื่อหาแนวทางแก้ไขและกำหนดมาตรการอีกทั้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวัง และขับรถอย่างมีจิตสำนึกด้านความปลอดภัย สำหรับการจัดตั้งจุดตรวจ กว่า 3,000 จุดทั่วประเทศ ได้สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนตั้งจุดตรวจในชุมชน เพื่อควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุทางถนน ทั้งการเมาแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่ปฏิบัติตามวินัยจราจร โดยถนนสายหลัก เน้นหนักในระหว่างวันที่ 11-12 และ 16-17 เม.ย. 50 ส่วนถนนสายรอง มุ่งเน้นการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และป้องปรามการเกิดเหตุในระหว่างวันที่ 13 -15 เม.ย. 50 ตลอดจนเข้มงวดกวดขันจับกุมรถกระบะ หรือรถปิคอัพที่มีการต่อเติมเป็น 2 ชั้น เพื่อให้ผู้โดยสารนั่งหลังรถกระบะ หรือขนถังน้ำตระเวนเล่นน้ำตามถนนเส้นทางต่างๆ เนื่องจากมักมีผู้เสียชีวิตจากการตกท้ายรถ หรือรถกระบะพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ดูแลบุตรหลานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี อย่างใกล้ชิด อย่าให้ออกไปสร้างความเดือดร้อน และกระทำผิดวินัยจราจรจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน เพราะนอกจากเด็กจะต้องรับโทษตามฐานความผิดแล้ว ผู้ปกครองต้องรับโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนปี พ.ศ.2546 ด้วยเช่นกัน
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์ฯ กล่าวว่า ศปถ. ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการระบายรถออกสู่ต่างจังหวัดให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว พร้อมจัดตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวก ตามถนนเส้นทางสายหลักและสายรอง ให้บริการผ้าเย็น น้ำดื่มสะอาด จุดพักนวดคลายเมื่อย ตรวจสอบสภาพรถ และแจกเอกสารให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยผู้ที่เดินทางออกต่างจังหวัด สามารถติดตามรับฟังข่าวสารการรายงานสภาพการจราจร แจ้งอุบัติเหตุได้ตลอดเส้นทาง ผ่านระบบ Radio Pool ซึ่งมีสถานีวิทยุกระจายเสียงประเทศไทยเป็นแม่ข่ายหลักในการกระจายเสียง สามารถติดต่อขอรับเอกสาร Radio Pool ได้ที่ด่านตรวจตำรวจทางหลวง ด่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หรือด่านตรวจอื่นๆ ซึ่งเป็นเส้นทางออกจากกรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ ศปถ. ยังได้รับการประสานจากสมาคมขนส่งสินค้า ว่า รถบรรทุกสินค้าจะหยุดวิ่งตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 11 เม.ย. 50 ขาออกจากกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 15 เม.ย. 50 ตลอดจนได้ประสานให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งให้ผู้รับจ้าง หยุดซ่อมแซมถนน และคืนผิวจราจร ให้สามารถใช้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางออกสู่ต่างจังหวัดในวันที่ 12 — 13 เม.ย. 50 นี้ ส่งผลให้การจราจรออกสู่ภูมิภาคติดขัดและคับคั่ง จึงขอให้ผู้ที่จะเดินทางสู่ภาคเหนือ เลี่ยงไปใช้เส้นทางลัดสาย 340 (บางบัวทอง — ชัยนาท) สาย 347 (ปทุมธานี — บางปะหัน) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางลัดสาย 305 (บางบัวทอง — ชัยนาท) สาย 3222 (บ้านนา — แก่งคอย) สาย 21 (พุแค — หล่มสัก) สาย 205 (บ้านหมี่ — นครราชสีมา) และสาย 201 (สีคิ้ว — เชียงคาน ) สุดท้ายนี้ ขอฝากเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ตรวจสอบสภาพรถ ศึกษาสภาพเส้นทางก่อนออกเดินทาง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เมา-ง่วงไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว สวมหมวกนิรภัย คาดเข็มขัดนิรภัย มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจต่างๆ ส่วนผู้เล่นน้ำสงกรานต์ให้อยู่ในกรอบวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม อย่าเล่นสาดน้ำรุนแรงใส่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ควรนำรถบรรทุกน้ำออกตระเวนเล่นน้ำ เพราะอาจเสี่ยงต่อการตกท้ายรถ หลีกเลี่ยงการใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดน้ำใส่หน้าหรือตา เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ เพื่อมิให้ภาพบรรยากาศความสนุกสนานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ต้องจบลงด้วยคราบน้ำตา และความโศกเศร้าของผู้สูญเสีย เชื่อแน่ว่า หากทุกคนร่วมกันรักษาวินัยจราจร ตัวเลขความสูญเสียจะลดลงได้อย่างแน่นอน