ปภ. แนะวิธีแก้ปัญหากรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน

ข่าวทั่วไป Wednesday July 11, 2007 09:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย แนะวิธีการปฏิบัติตัวและการแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในขณะขับขี่ยานพาหนะ ทั้งกระจกแตก หม้อน้ำรั่ว คันเร่งค้าง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ยานพาหนะและผู้ร่วมใช้เส้นทาง
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า แม้ว่าในบางครั้งผู้ขับขี่รถจะเตรียมความพร้อมตรวจสอบสภาพรถเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้การเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและวิธีแก้ไขปัญหาในขณะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัย โดยอุบัติเหตุฉุกเฉินที่มักเกิดในขณะขับรถ ได้แก่ กระจกแตก เนื่องจากถูกก้อนหินหรือสิ่งของอื่นตกใส่กระจกจนแตก สิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างแรกคือ ชะลอความเร็วรถแล้วนำรถเข้าข้างทางทันที เพื่อทุบกระจกที่แตกร้าวออกให้หมด แต่หากเป็นกระจก 2 ชั้นและจำเป็นต้องขับรถต่อ ให้ไขกระจกข้างขึ้นเพื่อป้องกันแรงปะทะของลมที่จะทำให้รถส่ายหากในขณะที่ขับมีสัตว์วิ่งตัดหน้ารถ ควรบีบแตรส่งสัญญาณให้สัตว์หลบพร้อมชะลอความเร็วรถ หากหยุดรถไม่ทัน
ต้องตัดสินใจชน เพราะหากหักหลบอาจทำให้รถเสียหลักจนเกิดอันตรายได้ ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่ไม่ควรบีบแตร เพราะอาจทำให้สัตว์ตกใจและหันมาทำอันตรายได้ กรณีหม้อน้ำรั่ว หากหาอู่ซ่อมไม่ได้ ให้ใช้สบู่อุดรอยรั่วของหม้อน้ำ และเติมน้ำให้เต็มหม้อ แล้วค่อยๆขับไปให้อู่ซ่อมแซมต่อไป ส่วนกรณียางระเบิด ผู้ขับรถต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง และรีบนำรถเข้าข้างทาง ไม่เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถเสียหลักและพลิกคว่ำได้ โดยใช้เกียร์เป็นตัวชะลอความเร็วแทนเบรก แต่ถ้ายางระเบิดที่ล้อหลัง ท้ายรถจะส่ายควรจับพวงมาลัยและรักษาทิศทางให้ตรงและย้ำเบรกหลายๆครั้งติดๆกัน เพื่อให้น้ำหนักตกอยู่ข้างล้อที่ใช้งานได้ และสุดท้ายหากคันเร่งค้าง ให้ใช้เบรกช่วยโดยไม่ต้องใช้คลัตซ์ เพราะเมื่อเหยียบคลัตซ์จะทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นทันที อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ จะใช้คลัตซ์ได้ก็ต่อเมื่อเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น หากสามารถควบคุมความเร็วได้ในอัตราที่ปลอดภัยแล้ว ให้ใช้ปลายเท้าสอดเข้าไปใต้คันเร่งแล้วงัดขึ้นมา ถ้าคันเร่งไม่ขึ้นให้พยายามนำรถเข้าข้างทางแล้วปิดสวิตช์การทำงานทันที แม้ว่าการปฏิบัติตัวตามที่กล่าวมานี้จะช่วยลดความุรนแรงจากอุบัติเหตุฉุกเฉินลงได้ แต่ผู้ขับขี่ก็ควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง จะช่วยลดความรุนแรงและความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนได้เป็นอย่างดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ