กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--กรมสรรพสามิต
ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่ากรมสรรพสามิตได้ปรับปรุงประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการยกเว้นภาษีสำหรับแก้วเลดคริสตัลและแก้วคริสตัลอื่นๆ ที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบในการผลิตสินค้าหรือสิ่งของอื่นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเครื่องประดับ และแฟชั่นมีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกการวางหนังสือสัญญาค้ำประกันค่าภาษีสรรพสามิต
2. ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบจำนวนและปริมาณก่อนการตรวจปล่อยของเจ้าพนักงานศุลกากรขาเข้า หรือก่อนนำเข้าเก็บในโรงอุตสาหกรรม หรือก่อนส่งไปยังอุตสาหกรรมที่ใช้แก้วเลดคริสตัลเป็นวัตถุดิบตั้งอยู่
3. ไม่ต้องยื่นสูตรและกรรมวิธีในการผลิตสินค้า
4. วัตถุดิบที่ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่จำเป็นต้องผลิตและส่งออกนอกราชอาณาจักร ภายใน 1 ปี
5. กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในประกาศกรมสรรพสามิตเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าตามพิกัดกรมสรรพสามิต เพื่อจำหน่ายเป็นวัตถุดิบให้กับผู้ผลิตสินค้าทอดแรก
จากการปรับปรุงประกาศกรมสรรพสมิตดังกล่าว กรมสรรพสามิตเชื่อว่าจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าให้แก่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สนับสนุนศักยภาพทางด้านการแข่งขันกับสินค้าเครื่องประดับสำเร็จรูปที่นำเข้า และช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ธุรกิจด้านการส่งออกเครื่องประดับ ซึ่งกรมสรรพสามิตคาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกเกิน 6,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแก้วเลดคริสตัลและแก้วคริสตัลอื่นๆ ใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม 2552 — มิถุนายน 2553) กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้รวม 31.18 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ จำนวน 1.13 ล้านบาท และสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 30.04 ล้านบาท
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต โทร./โทรสาร 02 241 4778 www.excise.go.th