บลจ.ทหารไทย ประกาศนโยบายปี 50 เป็นที่ 1 ด้านบริการเต็มรูปแบบ พร้อมลุยตลาดกองตราสารหนี้-สำรองเลี้ยงชีพ- FIF

ข่าวทั่วไป Monday January 29, 2007 10:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--PRdd
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยถึงแผนงานของบริษัทฯในปี 2550 ว่า ถึงแม้สถานการณ์การเมืองและมาตรการสำรองเงินต่างประเทศ 30 % ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวมโดยเฉพาะกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ ทางบริษัทฯก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้โดยในปีนี้ บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับการออกกองทุนตราสารหนี้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เนื่องจากยังมีความต้องการของตลาดสูงมาก
ทั้งนี้ นอกเหนือจากกองทุนพันธบัตร 3 , 6 และ 12 เดือน ที่จะเปิดขายในทุกเดือนแล้ว บริษัทฯ ยังมีกองทุนตราสารหนี้ที่จะออกใหม่ทุกเดือนเพิ่มขึ้นคือ TMB Prime Fund ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพโดยจะต้องเป็นบริษัทชั้นดีที่มีการจัดเครดิตระดับ A ขึ้นไป มีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งจะเปิดขายกองแรก TMB Prime Fund 140D ระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-6 ก.พ.ศกนี้ ด้วยผลตอบแทน 4.45% ต่อปี
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมขยายธุรกิจไปสู่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ซึ่งได้พัฒนาระบบเป็นที่เรียบร้อย โดยในปลายเดือนนี้จะมีลูกค้าจากธนาคารทหารไทยเข้ามาบริหารจัดการด้วยมูลค่าประมาณ 4,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมีแผนเชิงรุกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชนด้วยจุดเด่นที่มีการบริหารจัดการรูปแบบ Employee Choice ที่พนักงานสามารถจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆตามความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคลภายใต้ข้อกำหนดของคณะกรรมการกองทุนของบริษัทนั้นๆ
"เรายังมีแผนการออกกองทุน FIF อีก 4 กองในช่วงไตรมาส 1-2 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนกองทุนละ 20 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นกองทุน Equity Country Index Fund 3 กองทุนโดยจะลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3 ประเทศคือ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ส่วนที่เหลือจะเป็นกองทุน Money Market โดยจะลงทุนในตลาดเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเรามองว่ากองทุน FIF จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่สามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนในต่างประเทศได้ โดยเราตั้งใจว่าจะจัดสัมมนาใหญ่ 1 ครั้ง เพื่อให้ความรู้แก่ลูกค้าก่อนเปิดขาย" นางโชติกากล่าวพร้อมให้รายละเอียดถึงความคืบหน้าของกองทุนอื่นๆว่า
บริษัทฯ มีแผนกระตุ้นให้ลูกค้าลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตลอดทั้งปีด้วยการจัดโปรโมชั่น โดยในปีที่ผ่านมามีผู้สนใจลงทุนกองทุน LTF และ RMF ทั้งสิ้นประมาณ 580 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตประมาณ 37% นอกจากนี้ในส่วนของกองทุนทหารไทยโกลด์ฟันด์ ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงถึง 10 % นับจากก่อตั้งกองทุนในช่วงปลายปี 48 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของการเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN Retail Growth อีกประมาณ 7,000 ล้านบาทนั้น บริษัทฯยังคงรอความชัดเจนจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน
"ปีนี้ เรายังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าเนื่องในโอกาสกองทุนทหารไทยธนบดีครบรอบ 10 ปี ด้วยนวัตกรรมการให้บริการรูปแบบใหม่ซึ่งจะเปิดตัวในต้นเดือนกุมภาพันธ์ และยังมีแคมเปญเพื่อขอบคุณลูกค้าอย่างต่อเนื่อง " นางโชติกากล่าว
สำหรับการพัฒนาด้านการให้บริการขณะนี้ Call Center สามารถให้บริการได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วโดยปัจจุบันมีลูกค้าติดต่อเข้าเฉลี่ยประมาณ 500 สายต่อวัน เมื่อรวมกับการบริการต่างๆที่มีอยู่ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะรักษาลูกค้าเก่าได้แล้วยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงอยู่ในขณะนี้
"การให้ความสำคัญกับการให้บริการจะเป็นการสร้าง value added ให้ลูกค้า เป็นการอำนวยความสะดวกสบายทุกๆด้านเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ละเลยที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นที่ 1 ด้านการให้บริการและเพื่อเป้าหมายของการเป็นบลจ.ที่อยู่ในใจลูกค้าในระยะยาว" นางโชติกากล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น102,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากปี 48 ประมาณ 60 % ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของกองทุนตราสารหนี้ประมาณ 36,000 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตประมาณ 15 %
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
PRdd ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
โทร.02-953-8633,02-953-8723 หรือ
ลัคคณา บุษบา (089-488-1777) และสุจิรา วิโรจนะ (081-629-1821)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ