ทริสเรทติ้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ศุภาลัย” ที่ “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday April 24, 2007 08:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน ผลงานที่ยาวนานในตลาดที่อยู่อาศัย และตราสินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ลดลงและวงจรธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทจะสำเร็จตามที่วางแผนไว้ ทั้งนี้ จากความได้เปรียบในการบริหารต้นทุนและฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างมั่นคงน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถผ่านช่วงเวลาที่ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวไปได้ อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ต่อไปได้ในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทศุภาลัยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2532 บริษัทพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดโดยเน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางด้วยราคาขายในระดับหลังละ 1-10 ล้านบาท ความได้เปรียบของบริษัทเกิดจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและการเสนอขายที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรของบริษัทที่กระจายในทำเลที่หลากหลายในราคาที่ดีกว่า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2549 ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจแม้ว่ายอดทำสัญญาจะลดลงเล็กน้อยจาก 7,321 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 7,226 ล้านบาทในปี 2549 ซึ่งสืบเนื่องมาจากการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวม โดยบริษัทขายที่อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้น 2,394 หน่วย จำแนกเป็นคอนโดมิเนียม 1,711 ห้อง และบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 683 หลัง โดยมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 3 ล้านบาทในปี 2549 ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 3,441 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 4,598 ล้านบาทในปี 2549 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 28%-31% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรอยู่ในระดับที่ดีประมาณ 15%-25% บริษัทยังคงมีความสามารถในการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้ว่าบริษัทจะมีการขยายโครงการเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง และแม้ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะค่อยๆ บรรเทาลง แต่ก็คาดว่าอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงปี 2550-2551 ทริสเรทติ้งกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ